เป็นวัดโบราณสถานที่น่าสนใจที่เกี่ยวกับพระยาตาก

วัดเชิงท่า เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ซึ่งเป็นท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมืองมาขึ้นฝั่งที่วัดเชิงท่า  ด้วยเหตุนี้จึงเรียกชื่อว่า วัดตีนท่าอีกด้วยประวัติของวัดเชิงท่า  ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด  ใครเป็นผู้สร้าง  คงปรากฏเพียงตำนานเล่าสืบๆ กันมาว่า  เศรษฐีผู้หนึ่งสร้างเรือนหอให้แก่บุตรสาวซึ่งหนีตามชายคนรักไปแล้วไม่ย้อนกลับ  เศรษฐีผู้บิดาคอยบุตรสาวอยู่นานไม่เห็นกลับมาจึงได้ถวายเรือนหอนั้นให้แก่วัดที่ตนสร้างขึ้น  จึงได้ชื่อว่า  วัดคอยท่า  เรื่องที่เล่าสืบกันมานี้

วัดร่มรื่น ต้นไม้เยอะค่ะ ด้านหลังติดแม่น้ำ อากาศดี เพิ่งไปหนเดียว ถวายสังฆทาน ยังเดินดูไม่รอบวัดค่ะ โอกาสหน้าจะถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆวัดมาลงเพิ่มให้ค่ะ😊

ตามรอยประวัติศาสตร์ วัดที่พระเจ้าตากสินมหาราชได้บรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดแห่งนี้กับพระอาจารย์ทองดี ชื่อเดิมของท่านคือนายสิน โบราณสถานริมน้ำศาลาการเปรียญและกุฏิไม้ ภาพเขียนสี..งดงามมากครับ เจดีย์ก็สวยงามช่นกัน บรรยากศร่มรื่นเงียบสงบผู้คนไม่พลุกพล่าน

วัดสวย​ สะอาด​ เดินทางง่ายค่ะ

สวดมนต์ไหว้พระ มีความสวย มีความเก่า มีประวัติศาตร์

มีคนมาน้อยวัดนี้ สถานที่โอเค ที่จอดรถ มีด้านหน้า

วัดเชิงท่า เป็นวัดเก่าแก่ ที่ไม่ติดอันดับวัดสวย ไม่หรูหราอลังการ เหมือนวัดดังๆ หลายๆวัด แต่แท้จริงแล้ววัดเชิงท่าเป็นวัดที่คงความสวยงามตามแบบโบราณ ที่คนรุ่นใหม่ยังพอจะหาดูได้ภายในวัดไม่ใหญ่มาก มีพระปรางค์ประธานประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง สวยงามมากด้านในมีวิหารโบราณให้ชม ให้ศึกษาในเชิงประวัติศาสตร์ได้ ภายในวิหารยังคงความเก่าแก่ดั้งเดิมไว้ ทั้งหน้าต่างเป็นมู่ลี่ไม้หนา วาดลวดลายมีเรื่องราว แต่เลือนลางมากแล้ว สวยงามมาก เสียดายที่ไม่มีรายละเอียดให้อ่านประวัติศาสตร์ของที่นี่เลยเสาไม้ก็ดูสวยงาม มีลวดลายเป็นเทวดา สวยงามมากและด้านหน้ายังมีองค์พระเจ้าตากสินมหาราชประดิษฐานให้กราบไหว้ด้วยครับ

วัดเชิงท่า วัดในสมัยอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่ ต่อมาในสมัยรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เจ้าพระยาโกษาปานได้ปฏิสังขรณ์วัด ได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็นวัดโกษาวาส และต่อมาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ปฏิสังขรณ์วัดอีกครั้ง ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นวัดเชิงท่า” ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงปัจจุบันสถานที่สวยงาม มีทีจอดรถได้หลายคัน ในโบสถ์เย็นสบายพระปรางค์ สวยงามเด่น เห็นชัด ครับ

📸(6/11/63)ในช่วงเดือนกรกฎาคม – ตุลาคม พ.ศ.2563 กรมศิลปากรได้งบประมาณในโครงการพัฒนาและเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์และศาสนา จึงได้ทำการขุดสำรวจพื้นที่คลองโบราณติดกับวัดเชิงท่า รวมถึงบริเวณตลิ่งริมแม่น้ำลพบุรี ซึ่งจากแผนที่โบราณและบันทึกเอกสาร ได้ระบุว่าพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวคือ “คูไม้ร้อง” เคยใช้เป็นสถานที่จอดและเก็บรักษาเรือหลวงพระที่นั่งในสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ กษัตริย์พระองค์สุดท้าย จึงถือได้ว่าบริเวณพื้นที่การขุดสำรวจนี้ เป็นอีกจุดหนึ่งในบันทึกหน้าประวัติศาสตร์การขุดสำรวจทางโบราณคดี พบฉนวนท่าน้ำบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำลพบุรี ท่าน้ำลึกลงไปจากพื้นดินปัจจุบันราว ๒.๕ เมตร เรียงอิฐแบบก้างปลา คล้ายที่พบที่วัดเตว็ด(ร้าง) แถบคลองปทาคูจาม อยุธยาฉนวนทางท่าน้ำ บริเวณริมตลิ่งวัดเชิงท่าในปัจจุ​บัน หลังจากกรมศิลปากร ขุดลอกหน้าดินออก จึงได้เห็นแผ่นอิฐปูไขว้เอียงลาดเหมือนเป็นฉนวนทางเดินขึ้น พบสองจุดในบริเวณนี้ สันนิษฐาน​เมือครั้งกรุงศรีอยุธยา​บริเวณ​นี้เป็นอู่เรือพระที่นั่งตลอดแนวคูเมือง สนใจเชิญเข้าไปชมกันนะครับ ก่อนที่จะกลบพื้นที่ตรงนี้กลับ # ฉนวนท่าน้ำสมัยอยุธยา​#ท่าน้ำวัดเชิงท่า

“วัดเชิงท่า” มีชื่อเรียกมากมาย ทั้งวัดตีนท่า วัดติณ วัดคลัง หรือวัดโกษาวาสน์ ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างวัดนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำลพบุรี ใกล้กับคูไม้ร้อง ซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ฝั่งตรงข้ามวัดคือป้อมท้ายสนม และปากคลองท่อ ซึ่งเป็นท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมือง มาขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำหน้าวัดเชิงท่าจากตำนานคำบอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของวัดนี้ไว้ว่า มีเศรษฐีผู้หนึ่ง มีบุตรสาวสวยอยู่ 1 คน ด้วยความมั่งคั่งของฐานะ จึงได้สร้างเรือนไม้อันวิจิตรไว้ให้บุตรสาวออกเรือน แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งบุตรสาวคนสวยของเศรษฐีได้หนีออกจากบ้านไปกับผู้ชาย ครั้นบุตรสาวหนีออกจากบ้านไปแล้วเศรษฐีก็ตกอยู่ในอาการเศร้าโศก ตั้งหน้าเฝ้าคอยหวังว่าสักวันหนึ่งบุตรสาวของตนต้องกลับบ้าน รอแล้วรอเล่ารออยู่หลายปีบุตรสาวก็ไม่กลับมาสักที เศรษฐีจึงยกเรือนหอถวายให้กับวัด ซึ่งเป็นวัดประจำตระกูลของเศรษฐีนั่นเอง จึงได้ชื่อว่า วัดคอยท่าจากตำนานยังบอกเล่าว่าเหตุที่มาของชื่อ วัดตีนท่า นั้นสืบเนื่องมาจากวัดสร้างอยู่ใกล้ท่าเรือปากคลองท่อ (ด้านเหนือ) ตรงกับวัดพุทไธศวรรย์ ตามแนวคลองท่อทางด้านใต้ของเกาะ หรืออาจจะมาจากที่ตั้งของวัดอยู่นอกเมือง และใกล้กับท่าเรือ ผู้คนสามารถสัญจรข้ามไปมาได้ ชาวบ้านชาวเมืองจึงพากันเรียกว่า วัดตีนท่า ที่เรียกต่อกันมาภายหลังว่าวัดเชิงท่านั่นเองส่วนเหตุที่มาของชื่อ วัดติณ นั้นน่าจะมาจากคำว่า ติณ ซึ่งแปลว่า หญ้า เพราะตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระเพทราชาถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ บริเวณที่ตั้งวัดคงจะเป็นที่รวบรวมหญ้า เพื่อนำข้ามฝั่งไปให้ช้าง ม้า ในพระบรมราชวัง จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดติณในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ระหว่างปีพุทธศักราช 2199-2231 กล่าวว่า ครั้งเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส ครั้นกลับจากประเทศฝรั่งเศสแล้วได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดคอยท่าเสียใหม่ทั้งอาราม บูรณะวัดเสร็จจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดโกษาวาสน์ครั้นพอถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ระหว่างปีพุทธศักราช 2275-2301 โปรดฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ วัดโกษาวาสน์ อีกครั้ง (สันนิษฐานว่าน่าจะบูรณะในขณะพระภิกษุสิน (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช) บวชเป็นพระจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้) ครั้นทำการบูรณะเสร็จแล้ว โปรดฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดเชิงท่านอกจากนี้ วัดเชิงท่ายังมีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยพระองค์หนึ่ง คือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช หรือพระเจ้าตากสิน โดยในปีพุทธศักราช 2284 สมัยที่พระองค์ยังเป็นเด็กชายสิน อายุได้ 7 ขวบ เจ้าพระยาจักรี (โรงฆ้อง) ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม ได้นำเข้ามาสำนักการศึกษากับพระอาจารย์ (มหาเถร) ทองดีครั้นได้รับตำแหน่งเป็นมหาดเล็กสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระองค์ได้ทรงอนุญาตให้นายสินได้บวชเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ และเล่ากันว่ามีซินแสเจอนายสินขณะบิณฑบาตแล้วทำนายว่าพระองค์จะได้เป็นกษัตริย์ในภายภาคหน้าส่วนในละคร บุพเพสันนิวาส ฉากที่แม่หญิงการะเกดมาทำบุญกรวดน้ำนั้น ถ่ายทำกันบริเวณศาลาการเปรียญหลังใหญ่ริมน้ำ มีธรรมาสน์สำหรับพระสงฆ์ 4 รูป สวดรับเทศน์นั่งได้ 4 รูป เป็นสังเค็ดไม้ 1 หลัง สลักปิดทองอีก 1 หลัง ฝีมือประณีตงดงาม กล่าวกันว่าเป็นฝีมือช่างครั้งสมัยอยุธยา ภายในยังประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งและยืน โดยมีอาคารมุขด้านทิศใต้เป็นพระวิหารมีขนาดใหญ่ที่สุดศาลาการเปรียญหลังใหญ่แห่งนี้นั้นมีลักษณะเป็นพื้นไม้กระดานแผ่นใหญ่ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนัง เป็นภาพเขียนสีแบบไทยที่สวยงามยิ่ง แม้ว่าบางส่วนจะมีสภาพไม่สมบูรณ์นัก เนื่องจากเกิดน้ำท่วมเมื่อปีพุทธศักราช 2011 จึงเกิดความเสียหายพอควร แต่อีกหลายๆ ส่วนก็ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์แม้ว่าจะมีอายุผ่านมาเป็นร้อยปีแล้วก็ตาม

วัดสวยมากภ้ามีโอกาสจะกลับไปไหว้พระอีก

โบราณสถานทรงคุณค่าของอยุธยาน่าชื่นชม มีประวัติความเป็นมานำเที่ยวชมได้ข้อมูลอย่างละเอียดโดยน้องลูกศิษย์วัดเชิงท่า ประทับใจมาก

ทรงคุณค่า​จริงๆ​

วัดเก่าแก่ สวยงาม มีพระตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสิน

วัดที่ดีมาก มีที่สำหรับสักการะองค์สมเด็จพระเจ้าตากสิน

เป็นวัดที่ละครเรื่องบุพเพสันนิวาสมาถ่ายทำบ้างฉาก บ้างตอนวัดเก่าโบราณ ผนังเขียนลายงดงามให้เดินมาข้างหลังวัดจะเห็น

วัดเชิงท่า เป็นอีกหนึ่งวัดที่ห้ามพลาด ต้องมาไหว้พระ และพระเจ้าตากสิน ให้ได้นะคะ #ฉันรักอยุธยา

ที่นี่คือสุดยอดความงานคลาสสิคสุดๆกับศาลาการเปรียญเก่าภายในมีธรรมาสน์และสังเค็ดสมัยอยุธยา ข้างฝามีจิตกรรมฝาผนังเก่าแก่ช่วง ร.4ที่สวยงามครับ

เป็นวัดเก่าแก่ที่ สมเด็จพระนเรศ เคยพำนักและออกรบกับพม่า สมัยกรุงศรีฯ

เงียบสงบขอพรหลวงพ่อนาค

วิหารไม้สวยมาก​ จิตรกรรมฝาผนังงดงาม​ แต่โดนทำลายไปมากจากน้ำท่วม

วัดเชิงท่า..หรือ วัดตีนท่า หรือ วัดติณ หรือ วัดคลัง หรือ วัดโกษาวาสน์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่า สร้างขึ้นในรัชสมัย สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ หรือ พระเจ้าอู่ทอง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง วัดตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ริมฝั่งซ้ายของ แม่น้ำลพบุรี ใกล้กับ คูไม้ร้อง ซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ในสมัย กรุงศรีอยุธยา ฝั่งตรงข้ามวัด คือ ป้อมท้ายสนม และ ปากคลองท่อ ซึ่งเป็นท่าข้ามเรือของฝั่งเกาะเมือง มาขึ้นฝั่งที่ท่าน้ำหน้า วัดเชิงท่าจากตำนานคำบอกเล่า เรื่องราว และประวัติความเป็นมาของ วัดเชิงท่า ได้กล่าวไว้ว่า เศรษฐีผู้หนึ่ง มีบุตรสาวสวยอยู่ ๑ คน ด้วยความมั่งคั่งของฐานะ จึงได้สร้างเรือนไม้อันวิจิตรไว้ให้บุตรสาวออกเรือน (แต่งงาน) คือ ยกให้เป็นเรือนหอนั่นเอง แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง บุตรสาวคนสวยของเศรษฐี ได้ลักลอบหนีออกจากบ้านไปกับผู้ชาย ครั้นบุตรสาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว เศรษฐีก็ตกอยู่ในอาการเศร้าโศก ตั้งหน้าเฝ้าคอยหวังว่าสักวันหนึ่งบุตรสาวของตนต้องกลับบ้าน รอแล้วรอเล่ารออยู่หลายปีบุตรสาวก็ไม่กลับมาสักที เศรษฐีจึงยกเรือนหอ (รอเก้อ) ถวายให้กับวัด ซึ่งเป็นวัดประจำตระกูลของเศรษฐีนั่นเอง จึงได้ชื่อว่า วัดคอยท่า เรื่องที่เล่าสืบกันมานี้ หลวงจักรปาณี ได้นำมาประพันธ์ไว้ใน นิราศทวารวดีจากตำนานคำบอกเล่า เหตุที่มาของชื่อ วัดตีนท่า สืบเนื่องมาจาก วัดสร้างอยู่ใกล้ ท่าเรือปากคลองท่อ (ด้านเหนือ) ตรงกับ วัดพุทไธศวรรย์ ตามแนว คลองท่อ ทางด้านใต้ของเกาะ หรืออาจจะมาจากที่ตั้งของวัดอยู่นอกเมือง และใกล้กับท่าเรือ ผู้คนสามารถสัญจรข้ามไปมาได้ ชาวบ้านชาวเมืองจึงพากันเรียก วัดตีนท่าส่วนเหตุที่มาของชื่อ วัดติณ น่าจะมาจากคำว่า ติณ ซึ่งแปลว่า หญ้า เพราะตั้งแต่รัชสมัย สมเด็จพระเพทราชา ถึงรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ บริเวณที่ตั้งวัดคงจะเป็นที่รวบรวมหญ้า เพื่อนำข้ามฝั่งไปให้ ช้าง ม้า ใน พระบรมราชวัง จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดติณ ในรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๑๙๙ – ๒๒๓๑ กล่าวว่าครั้ง เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส ครั้นกลับจากประเทศฝรั่งเศสแล้ว ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดคอยท่า ใหม่ทั้งอาราม บูรณะวัดเสร็จได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดโกษาวาสน์ในรัชสมัย สมเด็จพระเพทราชา ลงมาจนถึงรัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ (พ.ศ. ๒๒๓๑ – ๒๓๐๑) บริเวณวัดนี้คงจะเป็นที่รวบรวมหญ้า เพื่อนำข้ามฝั่งไปให้ช้างม้าในวัง จึงนิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า วัดติณในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ ระหว่างปีพุทธศักราช ๒๒๗๕ – ๒๓๐๑ โปรดฯให้บูรณะปฏิสังขรณ์ วัดโกษาวาสน์ อีกครั้ง (สันนิษฐานว่าน่าจะบูรณะ ในขณะ พระภิกษุสิน (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช) บวชเป็นพระ จำพรรษา ณ วัดแห่งนี้) ครั้นทำการบูรณะเสร็จแล้ว โปรดฯให้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดเชิงท่าวัดเชิงท่า มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยพระองค์หนึ่ง คือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช อย่างไร? กล่าวคือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราชปัจจุบันวัดเชิงท่าอยู่ในตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา และยังเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาตลอดมา สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้กำหนดให้วัดเชิงท่า เป็นแหล่งโบราณสถานของชาติ นอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีงานศิลปกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนปลายในรูปแบบสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมหลายอย่าง สมควรที่จะใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษาอารยธรรมโบราณ จึงได้กำหนดเป็นโบราณสถานที่สำคัญ ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๐ กรมศิลปากรได้ดำเนินโครงการขุดแต่งเพื่อออกแบบบูรณะวัดเชิงท่า เนื่องจากโบราณสถานมีสภาพทรุดโทรม อาคารหลายหลังถูกขุดเจาะทำลายเพื่อหาโบราณวัตถุรวมทั้งการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา

The beautiful and peaceful temple, the mural pating is stunning and some stuff was made since Ayutthaya was a capital city.Easy to come here by car or boat.วัดเก่าแก่มาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โกษาปานได้ทำการปฏิสังขรณ์วัดนี้เมื่อตอนกลับจากฝรั่งเศส ส่วนศาลาการเปรียญสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายในมีธรรมาสน์ปิดทองคำเปลวงดงาม ลายจำหลักไม้หน้าบันว่ากันว่าเป็นของเดิมที่เหลือรอดมาจากครั้งกรุงแตก ซึ่งย้ายมาจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ในพระราชวังโบราณและยังมีงานช่างฝีมือเล็กๆ น้อยๆ  มากมาย เช่น ลายจำหลักไม้ที่ส่วนบน ที่เรียกว่านมบนของอกเลา หรือสันกลางบานประตูหน้าต่าง ซึ่งสลักลวดลายแต่ละบานไม่ซ้ำกันเลย ทั้งลายไทย จีนและฝรั่งเสาแต่ละต้นก็มีลายมือสมัยรัชกาลที่ 4 เขียนไว้อย่างบรรจง ถึงชื่อช่างที่เขียนลายประดับเสาต้นนั้นๆภาพเขียนฝาผนังนั้นงามทั้งลายเส้นและมีสีสันสวยงาม โดยรวมแล้ววัดเชิงท่าเป็นวัดที่ค่อนข้างสงบ คนไม่พลุกพล่านเหมือนวัดดังอื่นๆในอยุธยา สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมโบราณและภาพเขียนฝาผนัง ขอแนะนำวัดเชิงท่าเลยการเดินทางสามารถมาได้ทั้งทางรถและทางเรือ

วัดติดแม่น้ำ บรรยากาศดี สวยงาม

เป็นวัดเก่าแก่ของอยุธยา มาขอพรสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ตามรอยแม่การะเกด ไม่รู้จุดนี้อยู่ตรงไหนในเรื่องบุพเพสันนิวาสแต่ที่รู้ๆคือวัดสวยเก่าแก่งดงามจริงๆ

ข้าพเจ้ามีความรักความเป็นประเทศของเราตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันถือว่าเรามีบุญสัมพันธ์ที่ได้เห็นศิลปวัฒนธรรมจารีตประเพณีและศาสนาการเมืองการปกครองเมื่อชาต​ิที่แล้วเราอาจจะเป็นส่วนหนึ่งความเป็นอดีตในสมัยอยุยาในสมัยใดสมัยหนึ่งก็ได้จนได้มาเกิดใหม่ในชาตินี้

เป็นวัดขนาดไม่ใหญ่แต่คงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมเก่าแก่และจิตกรรมฝาผนังเก่าแก่มากหาดูยากสุดแล้วในยุคนี้มาแล้วหาให้เจอนะเพราะโบสถ์อยู่ด้านหลังและติดริมน้ำคนที่ไม่รู้จะมาและไหว้พระด้านหน้าวัดแต่ไม่ทราบว่าวัดแห่งนี้มีความขลังและงดงามซ่อนอยู่

วัดเชิงท่าเป็นวัดที่น่าสนใจมากของอยุธยา มีประวัติศาสตร์ยาวนานน่าสนใจตั้งแต่สมัยพระยาโกษาปานในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราชส่วนที่เป็นโบราณสถานมีวิหารปรางค์ 5 ยอดซึ่งมีที่นี่แห่งเดียว และส่วนที่ยังเป็นวัดยังมีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ในปัจจุบันส่วนศาลาการเปรียญมีจิตรกรรมฝาผนัง และธรรมาสน์ปิดทองคำเปลวแก้วประดับสมัยรัชกาลที่ 4 งดงามมาก

วัดจำพรรษาของพระยาตาก จิงมั๊ย🤔

ออกจากวัดหน้าพระเมรุมาไม่ไกล ก็จะถึงวัดเชิงท่า ตอนแรกไม่คิดว่าจะมีอะไรเป็นพิเศษ หลวงพี่ท่านบอกให้เข้าไปดูข้างในค่ะ ผ่านด่านเจ้าที่ตัวน้อย เป็นมิตร แต่วิ่งพันเข้งพันขา เป็นหมาสีดำค่ะ คอยเล่น และกัดขาตลอดทาง ภาพจิตรกรรมฝาผนังในศาลาการเปรียญค่อนข้างจะลางคาดว่าเขียนในสมัยรัชกาลที่ 4 แต่เข้าไปดูรู้สึกขลัง อลังการแบบบอกไม่ถูก ถึงแม้จะเหลืออยู่ไม่มาก

สงบรมเย็นสบายตาบรรยากาศดีสอาดนักท่องเที่ยวมากมาย

ศาลาพระพุทธชินราชและพระตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงผนวชที่วัดเชิงท่าแห่งนี้

การเดินทางสะดวก มีสถานที่จอดรถ ศาลาการเปรียญมีความงดงาม เป็นฉากถ่ายละครเรื่งบุพเพสันนิวาส แนะนำให้ลองมาเที่ยวชมกันครับ คนไม่เยอะ

ชมภาพศิลปะที่ผนังและศาลาการเปรียญเก่าแก่ คลาสสิคมาก

มีศาลาการเปรียญ แลดูเก่าแก่มาก ไม้ประตูก็เก่ามากๆ เสียดายภาพเขียนผนังภายในลอกหลุดเสียหาย

เป็นอีกวัดหนึ่ง ที่ใช้ถ่ายทำหนัง เรื่องบุพเพสันนิวาสนะขอรับ

สมเด็จพระเจ้าตากสินเคยบวชที่วัดแห่งนี้ ภายในมีพระบรมรูปของพระองค์ด้วยครับ โบราณสถานยังคงอยู่และมีศาลาการเปรียญที่สร้างขึ้นในสมัย ร.4 ภายในมีภาพจิตกรรมที่สวยงาม เป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์บุพเพสันนิวาสตอนไปทำบุญ

พระพุทธรูปและเทวสถานเก่าแก่น่าเลื่อมใส วัดจัดที่จอดรถสะดวกสบาย

เจดีย์เก่าองค์ไม่ใหญ่หลายองค์สวยงามครับ

เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์บรรยากาศสงบร่มเย็น

ที่นี่สวยมากค่ะ อยู่ริมแม่น้ำ ถ้าจำไม่ผิด เป็นสถานที่ถ่ายทำละคร เรื่องบุพเพสันนิวาสด้วยค่ะ

พระประธานงดงามาก มาพิสูตรครับ

อีกวัดหนึ่งที่ผู้ศรัทธาต่อองค์พระเจ้าตากสินไม่ควรพลาด

เป็นวัดหนึ่งในตำนานประวัติสาตร์ชาติไทย

เป็นวัดที่พระเจ้าตากสินจำพรรษาอยู่ที่นี่

สวยงาม สมดังยุคทองแห่งอยุธยา

วัดนี้มีของดีถูกบดบังอยู่ ศาลาการเปรียญไม้พร้อมภาพเขียนโบราณที่ยังงดงามหาชมได้ยาก ใครมาเยี่ยมชมโปรดเดินมาด้ายหลัง

เงียบ สงบ ถือว่าเป็นสถานที่ unseen ครับ

Great for old painting. ภาพเก่าสมัยอยุธยา

ไปอยุธยาแล้วไม่ควรพลาด ต้องมาทำบุญ เยี่ยมชมโบราณสถาน จิตรกรรมฝาผนัง และประวัติศาสตร์ของวัดเชิงท่าแห่งนี้นะ

เป็นวัดที่เก่าครั้งกรุงศรีฯ และเคยจำพรรษาอยู่ที่นี่สมัยบวชพระเมื่อ 35 กว่าปีก่อน

สักการะดวงวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศักดิ์สิทธิ์/ขอพรท่านเพื่อสมหวังในขีวิต

อีกหนึ่งวัดในอยุธยาที่ไม่น่าพลาดการไปเยือน

สวยงาม อยากให้ช่วยกันอนุรักษ์ รักษาสืบไป

เป็นวัดเก่าแก่ ร่มรื่น สงบเงียบ

วัดเก่าแก่อีกหลังที่มีสถาปัตยกรรม​ซากโบสถ์​สวยงาม​ แต่ค่อนข้างเล็ก​ มีอาคารเก่าสไตล์​ชิโนโปรตุกีส​ ศาลาไม้เก่า​ และ​ท่าน้ำขนาดเล็ก​ด้านหลัง

วัดเก่า ยังคงรักษาโบราณสถาน และอนุรักษ์สิ่งก่อสร้าง ไว้ได้ดี

โบราณสถานที่ประเมินค่ามิได้

ไปเที่ยวอยุธยาหลายครั้งแต่ไม่เคยมาที่นี่เลยสงบดีครับมีของเก่าโบราณให้ศึกษาพระใจดีมากๆ.ให้คำแนะนำต่างๆดีครับกาแฟโบราณในวัดอร่อยแม่ค้าใจดีเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังประดับความรู้ แนะนำครับสำหรับใครที่ยังไม่เคยไป

วัดเล็กๆ ที่น่าแวะ ริมแม่น้ำด้วย

ย้อนรอยละคร บุพเพสันนิวาส

วัดเล็กๆ​ ที่จอดรถสะดวด

พระปรางค์เก่าแก่สวยงาม

วัดสวย ตามรอยบุพเพสันนิวาส

ให้คะแนนความสะอาด​ ที่จอดรถกว้าง​ รสชาดอาหารปานกลาง​ มีข้าวแกง​ข้าวขาหมูก๋วยเตี๋ยว​ พนักงานเหมือนกันหมด พนักงานไม่น่าสั่งอาหารด้วยเหมือนลำบากใจในการขายของ​ ​ไม่เหมือนพนักงานเช็ดโต๊ะดีกว่าเยอะ​ ปรับปรุงหน่อย

มาเที่ยวกันครับ

วัดเก่า ถัดจากวัดหน้าพระเมรุ วันนี้ ตัวโครงสร้างสมัยอยุธยาเดิม น่าจะถูกทิ้งร้าง มากกว่าเผาทำลาย และมีสถานที่เก่าคือ ศาลาการเปรียญสมัย ร.3 ถ้าจะดูสถาปัตยกรรมปูนปั้นสมัยอยุธยา ที่นี่ยังพอมีให้เห็นอยู่ ล่าสุด มีการเปิดหน้าดิน เพื่อสำรวจทางโบราณคดี 08/2563

วัดนี้ขอพรเรื่องการสอบรับราชการ เป็นทหาร ตำรวจ ศักดิ์สิทธิ์มาก

มาไหว้พระทำบุญทำสังฆทานดีครับ มีพระเจ้าตากให้กราบไหว้ มีลอยเทียนในอ่างน้ำวน ที่สำคัญคือมีส่วนที่เป็นโบราณสถานตั้งแต่สมัยอยุธยา มีพระปรางค์ โบสถ์ เจดีย์รายอีกสิบสององค์ ถือเป็นวัดที่รวมทั้งของเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว ที่จอดรถสะดวก ติดคลองเมืองให้อาหารปลาได้ครับ

สถานที่สวยงามเป็นวัดโบราณที่ควรอนุรักษ์ไว้ค่ะ

ภาพประติมากรรมฝาผนังสวยมากครับ งานคนสมัยก่อนวาดได้ละเอียดมาก ดูแต่ตา มืออย่าต้อง นะครับ^^

มีวิหารไม้ที่งดงาม และมีสังเค็ดเก่าแก่ทรงคุณค่ามาก

วัดเล็กๆ คนไม่มากนัก

สถานที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี

พระเจ้าตากท่านบวชที่วัดนี้..ผ่านมาทีไรผมจะแวะเข้าไปไหว้ท่านทุกครั้งไป

จิตรกรรมฝาผนังวัดเชิงท่า

เป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับพระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งแต่ในวัยเยาว์ได้ร่ำเรียนเขียนอ่าน จนถึงสมัยเริ่มต้นชีวิตราชการเมื่ออายุครบบวชก็ได้ลาอุปสมบทศึกษาธรรมอยู่ที่วัดแห่งนี้ 3 พรรษา- กราบพระในศาลาพระพุทธชินราช (มีรูปหล่อองค์หลวงปู่ทองดี อาจารย์ผู้สอนวิชาความรู้ให้เด็กชายสิน และมีรูปหล่อองค์พระภิกษุสินด้วย)- สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช- เยี่ยมชมท่าน้ำ อันเกี่ยวข้องกับพระราชประวัติวัยเยาว์สมัยเป็นเด็กชายสิน เมื่อครั้งถูกลงโทษผูกติดกับเสาบันไดท่าน้ำ และรอดมาอย่างปาฏิหาริย์จากการอธิษฐานจิตระลึกถึงการจะได้บวชตอบแทนคุณบิดามารดา- ศึกษาอารยธรรมโบราณ ศิลปกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนปลายในรูปแบบสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมต่างๆ อันถือเป็นโบราณสถานสำคัญของทางวัด

ใหว้พระ9วัดยุดยา

วัดนี้มีความสำคัญมากเพราะเป็นโรงเรียนบ่มเพาะวิทยาการในช่วงเด็กของสมเด็จพระเจ้าตากสิน วัดสวยงามและมีวิหารเก่าที่มีภาพวาดบนกระดานที่เป็นบานเกล็ดพับได้This temple is important, as it was once the school of King Thaksin, the Great, when he was young. All buildings are gorgeous and the Vihara is intriquing with pictures painted on the old window blinds.

วัดสวยงาม โบสถ์หลังวัดติดริมน้ำสวยงามมาก มีรูปวาดฝาผนังที่สวยงาม ต้องลองไปดู

วัดไม่ใหญ่มาก แต่ร่มรื่น สงบ เหมาะแวะมากราบไหว้ครับ

เป็นวัดเก่าแก่ที่จังหวัดอยุธยา

เป็นวัดเล็กติดแม่น้ำ มีศาลาการประเรียนโบราณสวยดีคับ ควรเข้าไปชมข้างในด้วย

ชอบมากครับไปกราบพระเจ้าตากสิน เป็นวัดที่ท่านบวชและออกบิฑบาตร มีซินแสมาทำนายว่าจะได้เป็นกษัตย์ครับ

วัดสวย บรรยากาศดีมาก

ไปทำบุญมาหลายๆรอบ..ยังต้องไปอีกค่ะ

สวยงามตามออเจ้า

วัดเก่า มีโบราณสถาน

อร่อยมาที่นี่ไม่ผิดหวัง

วัดสวย สงบ มีที่ท่องเที่ยวในตัว

วิหารไม้เก่า ภาพสวยมาก

เป็นวัดเก่าแก่ที่น่าไปกราบไหว้อีกหนึ่งวัด ในอยุธยา

โบราณสถานสวยๆ

งดงาม

พระปรางค์เก่าแก่ พระอุโบสถหลังเก่าบูรณะใหม่ศาลาการเปรียญหลังเก่าใช้งานได้ สวยงาม

วัดเก่าแก่ มีพระพิฆเนศเก่าแก่มาก

ย้อนรอยอดีตกรุงอโยธยา