เป็นวัดเก่าแก่มีคุณค่า ศึกษาทางประวัติศาสตร์มีพระประธานที่ยิ่งใหญ่แห่งความสัทธา คือ หลวงพ่อมงคงบพิตร
พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร และสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นระหว่างปี พ.ศ. 1991–2145 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากทิศตะวันออกนอกพระราชวังมาไว้ทางด้านทิศตะวันตกที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบัน และโปรดเกล้าฯให้ก่อมณฑปสวมไว้ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ เมื่อปี พ.ศ. 2249 อสุนีบาตตกลงมาต้องยอดมณฑปพระมงคลบพิตรเกิดไฟไหม้ทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหายจึงโปรดเกล้าฯให้ซ่อมแซมใหม่ แปลงหลังคายอดมณฑปเป็นมหาวิหารและต่อพระเศียรพระมงคลบพิตรในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ (พ.ศ. 2285–2286) ในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 วิหารพระมงคลบพิตรถูกข้าศึกเผาเครื่องบนโทรมลงมาต้องพระเมาฬีและพระกรขวาของพระมงคลบพิตรหัก รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้การปฏิสังขรณ์ใหม่ สำหรับบริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตรทางด้านทิศตะวันออกแต่เดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียวกับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ
ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่มาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นพลังความเชื่อทางศาสนาที่ไม่อาจจะแยกออกได้จากอุดมคติในทางสังคมและการเมือง ทั้งเป็นประจักษ์พยานถึงความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์แห่งโลหะและความสามารถในการหล่อโลหะโดยเฉพาะสำริดซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญที่สุดชนิดหนึ่งในสมัยอยุธยาด้วยตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผน วิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร และสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นระหว่างปี พ.ศ. 1991–2145 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯให้ย้ายจากทิศตะวันออกนอกพระราชวังมาไว้ทางด้านทิศตะวันตกที่ประดิษฐานอยู่ในปัจจุบันและโปรดเกล้าฯให้ก่อมณฑปสวมไว้ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ เมื่อปี พ.ศ. 2249 อสุนีบาตตกลงมาต้องยอดมณฑปพระมงคลบพิตรเกิดไฟไหม้ทำให้ส่วนบนขององค์พระมงคลบพิตรเสียหายจึงโปรดเกล้าฯให้ซ่อมแซมใหม่ แปลงหลังคายอดมณฑปเป็นมหาวิหารและต่อพระเศียรพระมงคลบพิตรในสมัยสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ (พ.ศ. 2285–2286) ในคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พ.ศ. 2310 วิหารพระมงคลบพิตรถูกข้าศึกเผาเครื่องบนโทรมลงมาต้องพระเมาฬีและพระกรขวาของพระมงคลบพิตรหัก รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้การปฏิสังขรณ์ใหม่ สำหรับบริเวณข้างวิหารพระมงคลบพิตรทางด้านทิศตะวันออกแต่เดิมเป็นสนามหลวง ใช้เป็นที่สำหรับสร้างพระเมรุพระบรมศพของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเช่นเดียวกับท้องสนามหลวงของกรุงเทพฯ
สันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดารวิหารพระมงคลบพิตรนั้น เดิมประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของ พระราชวังหลวง บางคนสันนิษฐานว่า เคยประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียงมาก่อน ในปี พ.ศ. 2146 สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชลอมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่าเป็นรูปร่างคล้ายๆมณฑปต่อมาในปี พ.ศ. 2246 สมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปต้องอสนีบาต (ฟ้าผ่า) ไฟไหม้เครื่องบนมณฑปหักพังลงมาต้องพระเศียรหัก สมเด็จพระเจ้าเสือ จึงโปรดฯ ให้แปลงมณฑปเป็นวิหารแต่ยังคงส่วนยอดของมณฑปไว้ แล้วซ่อมพระเศียรพระพุทธรูปใหม่ กระทั่งในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่หมด เปลี่ยนหลังคาคล้ายในปัจจุบัน เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งสุดท้ายวิหารและพระพุทธรูปถูกไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม เครื่องบนวิหารหักลงมาต้องพระเมาฬี และพระกรข้างขวาหักในปี พ.ศ. 2474 พระยาโบราณราชธานินทร์ ตำแหน่งสุมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา คุณหญิงอมเรศร์สมบัติกับพวก ได้ขอยื่นเรื่องซ่อมแซมวิหาร แต่รัฐบาลไม่อนุญาต เนื่องจากต้องการที่จะรักษาตามแบบอย่างทางโบราณคดี โดยจะออกแบบให้ปูชนียสถานกลางแจ้งเหมือนไดบุซึของญี่ปุ่น แต่ด้วยเวลานั้นรัฐบาลยังไม่มีงบประมาณพร้อมในการดำเนินการต่อมาในปี พ.ศ. 2499 รัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้เริ่มการบูรณปฏิสังขรณ์พระวิหารและองค์พระพุทธเสียใหม่ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ในคราวบูรณะพระมงคลบพิตรในปี พ.ศ. 2500 กรมศิลปากรได้พบพระพุทธรุปบรรจุไว้ในพระอุระด้านขวา เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม
จัดระเบียบ ได้ดีมากมาตรการป้องกันโควิด19 ดีใจ
วัดเก่าแก่มรดกโลก แต่การจัดการภูมิทัศน์ ยังไม่ดีพอ มันน่าจะพัฒนาได้มากกว่านี้
วิหารพระมงคลบพิตรตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
เป็นวัดมรดกโลก ห้องน้ำสะอาด มีตลาดข้างวัดของขายเยอะหลากหลาย อาทิ ดาบไทย ครก ไม้คมแฝก จอบ เสียม ผ้าพันคอ ที่จอดรถเยอะ มุมถ่ายรูปเยอะ มีโบราณสถานมากมาย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของไทยในโลกใบนี้ที่มีความสวยงามมากๆ ครับ
พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร และสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย
เป็นวัดที่สวยมาก อีกแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่บ่งบอกถึงอดีตได้ชัดเจน ว่าวัดแห่งนี้ได้มีความสำคัญต่อรุ่นบรรพบุรุษเราอย่างไร และได้รับการบูรณะเป็นอย่างดี ใครที่ชอบถ่ายรูปรับรอง ได้ถ่ายจนหนำใจแน่นอน แต่แนะนำให้ใส่ขุดไทยมาด้วยจะดีมาก 😊😊
อีก 1 วัดเมื่อมาเยือนยุดยาต้องแวะมา
สะอาด เงียบสงบ การป้องกันโควิดดี คนไม่แออัด
สวยงามวิจิตรทุกเวลาที่เข้าไปเยือน
ที่จอดรถสะดวก แดดร้อนมาก
ดีใจที่ได้มากราบ สวยงาม สงบร่มเย็น
ไหว้พระแล้วเดินไปหลังวิหาร มีของที่ระลึกจำหน่ายมากมายครับ ใตรชอบแบบไหนก็จัดไป ทั้งของคาว ของหวาน ของเล่น ของใช้
ความสวยงาม ประวัติศาสตร์ ทุกอย่างสมกับการได้เป็นมรดกโลก
พระพุทธรูปสวยงามคนเยอะแต่การจัดการดีครับบรรยากาศดีชอบมาก
วิหารเก่าแก่ถูกเผาพังทลาย บูรณะขึ้นมาใหม่ให้มากราบไหว้สักการะ บริเวณกว้างขวางที่จอดรถมีมาก ด้านข้างมีอุทยานประวัติศาสตร์อยุธยามรดกโลกทั้งวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระบรมมหาราชวัง มาที่เดียวเที่ยวได้คุ้มมากครับ
เป็นวิหารที่สวยงามมาก มีพระประธานองค์ใหญ่มากอยู่ติดกับวัดพระศรีสรรเพชญ์การดูแลรักษาสะอาด จอดรถสะดวกสบาย ผ่านมาแวะมากราบนมัสการกันครับ
วัดเก่าแก่ ที่มีกราบสักการะขอพรแล้วสุขใจ
กราบนมัสการ ขอพรหลวงพ่อมงคลบพิตร ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า มีความสุข ความเจริญ กิจการเจริญรุ่งเรือง ทำโฆษณา เฮงๆ รวยๆๆ สาธุสาธุสาธุ
มีประวัติความเป็นมาที่น่าเลื่อมใส
เป็นสถานที่เก่าแก่เหมาะแก่การมากราบไหว้ทำบุญ สวยงามมากสถานที่จอดรถด้านหลังเยอะมากระหว่างทางมีของฝากร้านค้าต่างๆขายเยอะซื้อกลับไปฝากของกินอร่อยๆทั้งนั้น
มีการบูรณะ ทำให้อุโบสถดูใหม่ แต่พอเข้ามากราบรู้สึกได้ว่าร่มรื่นมากๆห้องน้ำสะอาดมากๆ
สวยงาม น่าสักการะ มีเสี่ยงเซียมซี ทำบุญต่างๆ มีระบบคัดกรองโควิทด้วย
ตอนเราเข้าพระวิหาร จะมีเด็กมาเสนอขายช้างเพื่อใช้บูชา แนะนำว่า ไม่จำเป็น เพราะแต่ก่อนไม่เคยมีว่าต้องใช้ช้างบูชา
ประวัติศาสตร์ไทย ครั้งนึงเราเคยไปเยือน
ช่วงโควิด คนน้อย ทางวัดจัดให้ไหว้ด้านนอกโบสถ์
ไปตอนเย็นๆสบายดีคนไม่เยอะ
พระคู่บ้านเมืองมาแต่โบราณ เป็นปฏิมากรที่งดงามทรงคุณค่า ใครไม่เคยมาถือว่าพลาด
มา อยุธยาต้องมาที่นี่ด้วยครับ
เป็นสถานที่ ที่ควรเข้าชมมากค้ะ สวยงามตามประวัติศาตร์ชาติไทย เป็นสถานที่เก่าแก่ที่สภาพสมบูรณ์มากในสมัยอยุธยาน่าไปชมค้ะ
สถานที่กราบสักการะบูชาพระมงคลบพิตรองใหญ่.
มีโอกาสมาอยุธยา ก็ต้องมาไหว้พระที่นี่ประจำครับ
สวยงาม จัดระเบียบการเข้าออกดีมากๆ
วิหารพระมงคลบพิตร เป็นโบราณสถานที่มีการบูรณะให้ คนที่มาเยี่ยมชมได้สัมผัสถึงความรุ่งเรืองในอดีตในส่วนที่ไม่ได้บูรณะแสดงถึงธรรมชาติ ของสรรพสิ่งที่เสื่อมไปตามกาลเวลา เป็นเสน่ห์ของโบราณสถานการบูรณะใช้วัสดุใหม่ หรือการแต่งเติมของเดิมจนเกินธรรมชาติ อาจจะทำให้เสนห์ของโบราณสถานนั้นๆ ลดลง...
พระนาคปีกหินเขียวสมัยขอม
สบายใจมากที่ได้มากราบพระ
กราบพระองค์ใหญ่ที่วิหารหลวงพ่อมงคลบพิตร และได้ชมวัดพระะศรีสรรเพชญ์ที่งดงามเหลือเกิน นึกว่าถ้าเป็น ณ.เวลานั้น บ้านเมืองจะงดงามสักเพียงใด มาชมกันนะ
งดงาม สวยสง่า สะอาด มีการพัฒนาเสมอ แนะนำให้เดินชมด้านในโบสถ์ มีประวัติความเป็นมาของวัดค่ะ
วัดที่ดีมากเหมาะแก่การมาไหว้
พระประทานสวยสง่างาม มาไหว้แล้วสุขใจครับ
วิหารนี้ถือเป็นสถาาที่สำคัญ ที่คนอยากมามากสุด ของกรุงเก่า และประวัติศาสตร์ พระองค์ใหญ่ ที่สัมผัสได้เกี่ยวกับอดีตโบราณที่ผ่านมา-เป็นหนึ่งของโปรแกรม ทัศนศึกษา ของโรงเรียนและเด็กนักเรียน ทั่วประเทศ-ผู้รีวิว ก็เป็นหนึ่งในนั้น สมัยเมื่อเรียนประถม 4 หกสิบกว่าปีมาแล้ว ได้มีโอกาสได้มาที่นี่ จำได้ว่าวิหาร และองค์พระอยู่ระหว่างการบูรณะ หลังคา และองค์ ไม่สวยงามดังปัจจุบัน-เหตุที่คนอยากมา น่าจะคิดกันว่า ถ้าได้มากราบไหว้ บูชา ทำบุญ จะได้บุญใหญ่ ได้บุญมาก-นอกจากพระองค์ใหญ่ที่นี่แล้ว ยังมีพระองค์ใหญ่ในกรุงเก่าอีกวัดหนึ่ง คือหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง แต่เหตุใดวัดนี้จึงไม่ถูกทำลาย เหมือนวิหารวัดมงคลบพิตร-ในความเห็นส่วนตัว เห็นว่า1) วัดมงคลบพิตร เป็นวัดใหญ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจุดยุทธศาสตร์ทางสงคราม ห่างจากพระบรมมหาราชวังไม่ถึง 1 กม. = อยู่ในเมืองหลวงนั่นเอง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์>วัดมหาธาตุ>วัดราชบูรณะ ถูกทำลายราบเป็นหน้ากอง พร้อมกับพระบรมมหาราชวัง ซึ่งปัจจุบันมีแต่ต้นพุทรา2) วัดพนัญเชิงอยู่ในเขตบางปะอิน สมัยนั้นถือว่าไกล แถมยังมี แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก กั้น เมื่อบรรจบกันทำให้เกิดน้ำวน ไหลเชี่ยว ทำให้ผู้คิดทำลายเปลี่ยนใจ3)เป้าหมายหลักคือพระราชวังที่เป็นหัวใจการปกครอง สั่งการ ถูกทำลายไปแล้ว ก็ไม่มืเหตุใดๆ ที่จะทำลายอีก โซนนั้นก็ราบไปแล้ว ไม่จำเป็น ต้องไปทำลายที่อื่นอีก4) วัดพุทไธสวรรย์ สมัยนั้นก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ มีสำนักดาบอันลือลั่น ใกล้กว่า ยังไม่ถูกทำลายความเห็นดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัว มิได้เกิดในสมัยนั้น จึงได้คาดเดา...
ชอบมากราบหลวงพ่อ
พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร และสูง 12.45 เมตร เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทยแต่เดิมองค์พระทรุดโทรมมาก เห็นภาพเก่ามีลักษณะปูนฉาบ มาบูรณะใหม่ ทั้งวิหารและองค์พระสมัยรัชกาลที่5โดยสร้างขึ้นบนตําแหน่งของวิหารเดิมวิหารทรงสูงโปร่ง เข้าไปแล้วเย็นสบาย ด้านนอกมีร้านขายของที่ระลึกจํานวนมาก
บรรยากาศของวัดดีมากพระสวยงามองค์ใหญ่สีทองมีจุดคัดกรองผู้ป่วยขาเข้าดูดีมากเลยครับบรรยากาศโดยรอบก็โอเคแต่แดดร้อนไปนิดแต่ก็ถือว่าดีเพราะว่าเป็นกลางแจ้งมีคนมาไหว้พระขอพรเยอะเลยอาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงวันหยุดแต่ก็ดีครับได้มาสักการะพระองค์ใหญ่ขอพรหลวงพ่อโต ถือว่าดีเลยครับ
วัดสวยงามคะ เสาร์ อาทิตย์นักท่องเที่ยวจะเยอะคะ
เป็นวัดที่มีความสะอาดมากครับ
วันนี้ได้เดินทางมากราบสักการะบูชา องค์พระปฏิมา พระมงคลบพิตร พระเก่าในวิหารใหม่ที่ได้ บูรณปฏิสังขรณ์ อย่าง สวยงามและบรรยากาศภายนอกที่กว้างขวางมีองค์เจดีย์ใหญ่ 3 ปาง รายล้อมด้วยบางเล็กๆ ดูได้ถึงความเจริญรุ่งเรืองของวัดนี้ในสมัยอดีต เป็นอย่างมาก
ปัญหาเดียวก็คือ ต้องจอดรถไกล อีกทั้ง มีคนมาตื้อขายของให้น่ารำคาญใจ ซึ่งวัดอื่นๆในอยุธยาไม่เป็นแบบนี้
สวย สงบค่ะ
สวยงาม ล้ำค่า...
เป็นอีกที่ที่ไม่ควรพลาดที่จะไปสักการะพระมงคลบพิตรค่ะ ด้านในจะมีพระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่
มาอยุธยา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ แห่งหนึ่ง ที่ต้องมากราบไหว้ สวมงามมากครับ พระนอน มาไหว้เพื่อเป็นศิริมงคล สถานที่มีที่จอดรถเยอะ นักท่องเที่ยวเยอะครับ เป็นโบราณสถานแห่งหนึ่ง เก่าแก่ของจังหวัดอยุธยา
ไปกี่รอบก็ร้อน 😅
วัดใหญ่ ดูมนต์ขลัง แต่ระบบทำบุญจ่ายเงินเป็นสัดส่วนเกินงามมากไม่น่ารักเลยครับ
วัดนี้คือเคยมาตั้งแต่จอนเด็กๆอ่าตอนที่โบสถ์ยังไม่เสร็จจนตอนนี้ได้มีโอกาสไปไหว้คือโบสถ์สวยมากข้างในก็สวยสำหรับคนที่อยากถ่ายรูปก็เดินรอบๆวัดมีมุมสวยๆถ่ายรูปได้เลยช่วงนี่คนยังไม่ค่อยเยอะห้องน้ำสะอาดใครที่ไปวัดรบกวนแต่งกายสุภาพด้วยนะคะ😊😊
ไม่ชอบเด็กขายของ เดินตาม ตื้อให้ซื้อของ.ไม่เหมาะสม.
คนมากราบหลวงพ่อฯน้อยมากๆเมื่อเทียบกับก่อนโควิด กราบเสร็จแล้วแวะไปซื้อของอุดหนุนร้านค้าต่างๆบ้างเป็นการให้กำลังใจกัน สู้ๆนะคะ
วิหารพระมงคลบพิตรเป็นสถานที่เก่าแก่ มีความสวยงามมีจุดให้ทำบุญคนค่อนข้างเยอะทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้านหลังหรือข้างวัดมีให้ขี่ช้างหรือให้อาหารช้าง และมีร้านกาแฟสำหรับคนที่อยากจะนั่งพักวัดค่อนข้าวมีพื้นที่เยอะบริเวณรอบมีคนนั่งพักตามร่มไม้ตลอด
ตอนนี้กำลังปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์รอบวัด แต่ยังมีของขายอยู่ ไปมาทุกปี ตั้งแต่เด็ก
เปิดบริการให้ประชาชนได้เข้าไปสักการะบูชาและมีมาตราการหน่วยขัดกรองโควิดดีมาก
สวยๆครับ
พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปใหญ่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์องค์เดียวในประเทศไทย ลงรักปิดทองมีแกนเป็นอิฐ ส่วนผิวนอกบุด้วยสำริด ทำเป็นท่อนๆมาเชื่อมกัน สูง 12.54 เมตร หน้าตักกว้าง 4 วาเศษ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระไชยราชา ราวพ.ศ. 2081 เดิมประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม โปรดเกล้าให้อัญเชิญมาไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
พระพุทธรูปสวยงาม มีการจัดการที่ดี
สงบมากและสวย
ปีใหม่ วันนี้คนไม่เยอะครับ
วัดเก่าแก่คู่อยุธยา ชาวไทยและต่างชาติมาเที่ยวเยอะ มีบริการนั่งช้างชมเมืองด้วย
อลังๆๆ
มาทำบุญที่อยุธยา
สวยงามมากคะ พระพุทธรูปเก่าแก่ มีสระน้ำเก่า โบสถ์สวยงามมากคะ
วิหารภายนอกสวยงาม สง่า ภายในดูสงบน่าเลื่อมใส บริเวณโดยรอบสะอาดเป็นระเบียบ ที่จอดรถสะดวก
นึกถึงกรุงเก่าครับ สมัยต่อสู้กับพม่า วัดใหญ่มากกกกก
ปลากะพงทอดน้ำปลาตัวใหญ่มาก แต่น้ำจิ้มรสธรรมดา สมราคา บรรยากาศดี
มากี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง น้ำตาก็ไหล
สถานที่สวยงามมากๆๆครับ
สงบดีนะ ช่วงนี้ไม่มีคน กลัวโควิตกันหมด มานั่งสมาธิกันครับ
สง่ามากครับ สวยงามและเงียบสงบมากครับหากได้มาที่วัดวิหารมงคลบพิตร ก็สามารถเดินต่อไปพระศรีสรรเพชร ต่อได้เลยครับที่นี่ต้องแต่งตัวสุภาพเรียบร้อยนะครับและยังมีบริการเก้าอี้ให้สำหรับคนชราครับ
คนไม่เยอะพลุกพล่าน สงบดีครับ
พระพุทธรูปสวยงามมากๆ อากาศไม่ร้อน
จัดสถานที่ได้สวยงาม จอดรถสะดวก
สวยงามมากๆครับ แนะนำให้มาเที่ยวกันเยอะๆน่ะครับ ต้องมาสัมผัสธ์ด้วยตัวเองคุณจะได้ดูได้เห็นครับ