ตามความเชื่อของชาวพุทธเชื่อกันว่าการได้กราบทูลรอยจารด่าว่าได้กับการเข้าเฝ้าองค์มดซึ่งถือเป็นอานยิ่งใหญ่หลายคนไม่ต้องการไป รอยแผลส่องสว่างให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิตโดยเฉพาะ“ รอยด่างพลวง”แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเขาคิชฌอ. เขาคิชฌูกูรจ. และขึ้นชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์อีกทั้งยังเปิดให้ดูเพียงปีละครั้งในแต่ละปีมีผู้เคารพนับถือจำนวนมากเดินทางเขาคิชฌุเพื่อกราบไหว้ขอพรในสิ่งที่หวังทุกคนหน้าสู่รอยจาริกและหินลูกเสาพลวงเป็นรอยด่างขนาดใหญ่กว้าง 1 เมตรยาว 2 เมตรอยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,050 ไมโครเมตรถูกค้นพบใน พ.ศ. 2397 แต่การเดินทางขึ้นไปยังในขณะนั้นยังยากลำบากเนื่องจากเป็นเขา สูงในป่าทึบต่อมาในปี พ.ศ. 2515 “ หลวงพ่อเขียน”หรือธรรมสร้างคุณวัดวาอารามกัมปนาทและกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏในขณะนั้นได้เป็นผู้ทางทางขึ้นไปสู่รอยเลื่อนหลวงพ่อเขียนจนสามารถ นำรถยนต์ขึ้นเขาคิชฌุได้เป็นครั้งแรกจากนั้นก็เฉาะพัฒนาขึ้นยอดเขาให้ดีและปลอดภัยยิ่งขึ้นมาจนถึงปัจจุบันหลวงพ่อเขียนเป็นพระชาที่มีผู้กล้าพูดดีทางด้านจิตตภาพเจ้าสามารถเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌูได้อย่างสูงและชำนาญการนี้ท่านยังเป็นผู้ให้เกียรติการจัดงานกราบรอยโรคลมพลวงบนเขาคิชฌี กูรูในรวมวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 3 ถึงวันแรม 15 ค่ำเดือน 4 ของทุกปีจนรวมเป็นธรรมสำคัญของจันทบุรีจวบจนวันนี้ก่อนที่ท่านจะมรณกรรมไปเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2555 สิริคาง 82 ปี 62 ฝนรอยรอย เสาพลวงไฮไฮไลท์ของเขาคิชฌฌกูตูแล้วอีกหนึ่งผู้ตั้งที่ตั้งเด่นเทียบคู่กันก็คือ“ หินลูกราชวงศ์”หรือ“ หินลูกเกลี้ยง”ก้อนหินใหญ่รูปทรงคล้ายบังเหียนตั้งตระหง่านอยู่ริมฝั่งเป็น ร่มเงาให้แก่เงาสว่างเสมอมาหินลูกระเบิดถือเป็นเหตุการณ์สร้างอันน่าทึ่งแห่งยอดเขาคิชฌุที่หินก้อนใหญ่เช่นนี้สามารถตั้งอยู่บนเวทีที่ลาดเอียงอย่างมั่นคงดูเด่นจนบางครั้งกับลอยอยู่เหนือลานหิน ไม่เป็นเรื่องเล่าเรียงลำดับกันว่าหินลูกบ่อนี้ลอยอยู่เหนือดินโดยเล่าต่อกันมาว่าเคยมีคนทดลองเอาลอดผ่านก้อนหินนี้ได้ ผู้ที่เพิ่มขึ้นไปไกลรอยฟอกเลือดแล้วก็มักจะมาปิด ทองที่หินก้อนนี้มาสัมผัสก้อนหินเพื่อความเป็นสิริมงคลและเราอาจเห็นผู้คนไปก้ม ๆ เงย ๆ ส่อง ๆ อยู่ใต้ฐานก้อนหินอาจจะเพื่อดูว่าก้อนหินก้อนนี้ลอยหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะส่องเพื่อ หาเลขเด็ดกันเสียเป็นส่วนใหญ่ความเชื่อที่ว่าหินลอยได้อาจจะฟังดูเป็นเรื่องอภินิหารที่แต่งเสริมสร้างความศักดิ์สิทธิ์ให้กับหินก้อน แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ต้องถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่ ก้อนหินขนาดใหญ่เช่นนี้สามารถอยู่บนเได้โดยไม่ต้องไปไกล
ได้ยินเรื่องเล่ามานาน เพิ่งได้มีโอกาสไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ ปี 2563 เปิดตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม - 24 มีนาคม 2563 ขับรถมาถึงวัดพลวง (เเนะนำให้เตรียมน้ำ อาหารให้พร้อม) เดืนทางไปซื้อตั๋วขึ้นเขา สนองราคาที่100บาท ต่อคน/เที่ยว (ตอนเเรกเเอบสงสัยทำไมเเพง ตอนนี้เข้าใจเเระ) ล้อเลื่อนไม่นาน ชำระค่าบริการเข้าอุทยาน สนองราคาคนไทย 20 บาท ต่างชาติ 100บาท เเนะนำถ้าใครกลัวหรือเมารถเเนะนำนั่งข้างหน้า (นั่งได้บางคัน)ถ้าอยากชื่นชมธรรมชาติ ชมวิว ซึ่งถนนค่อนข้างจะโหด เเต่สนุก ถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง (ทางอาจจะไกล ประมาณกิโลกว่า เเนะนำไม้ค้ำค่ะ บริจาคตามศรัทธา ระหว่างทางมีจุดเเวะพักห้องน้ำ มีเจ้าหน้าที่อุทยานคอยดูเเล มีวิวอยู่ช่วงหนึ่งมองเห็นดวงอาทิตย์ตกสวยมากๆ ใกล้ถึงจะมีน้ำชาเเละน้ำมะตูมให้ทานอร่อยค่ะ ถึงที่หมายไปช่วงตอนเย็นจะมีการสวดมนต์ด้วย มีเสื่อปูหากใครไม่สะดวกพื้นทางวัดมีเก้าอี้ให้บริการ มาเเล้วไปให้สุด เเนะนำให้ไปผาเเดงค่ะ ใครชอบถ่ายรูปเเนะนำค่ะ เพราะระหว่างทางมีจุดชมวิว อาจจะเหนื่อยเเต่ประทับใจทุกการเดินทางค่ะ
ได้เดินขึ้นไปเพื่อสักการะรอยพระพุทธบาท...ขึ้นไปตอนกลางคืนอากาศดีตั้งจิตอธิษฐานแต่สิ่งดีๆ ขึ้นไปถึงยอดรู้สึกถึงความปิติไม่เกิดความเมื่อยล้าใดๆ...ให้ตั้งใจขอพรคนละ1ข้อ...ในการเดินทางจากวัดพลวงหรือวัดกระทิงด้านล่างไปยังเชิงเขาจะต้องใช้รถ4wd ของทางวัด...รวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางคนละ220บาท...ค่ารถไปกลับ200ค่าเข้าอุทธยาน20บาท...มีนักบุญที่ขึ้นไปสักการะตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุเลยครับ...ใครได้ไปจะได้ทราบและรู้สึกถึงความสุขอย่างบอกไม่ถูก..ขอให้ทุกคนโชคดี...สาธุสาธุสาธุ...🙏
ออกจากกรุงเทพตอนหัวค่ำเพื่อไปถึงสักเที่ยงคืนแล้วหาห้องพักนอนสักงีบ เช้าขึ้นมาจะได้สดชื่นมีแรงเดินขึ้นเขา ขึ้นไปประมาณ 8 โมงกว่า อากาศกำลังสบายๆแแดดไม่ร้อน คนไม่แน่นมากเหมือนตอนดึกกับรุ่งสาง ได้เห็นวิวรอบๆเขาชัดเจน รวมทั้งได้นมัสการขอพรจากพระเกจิ ที่มานั่งคอยต้อนรับญาติโยม ขาลงมาเห็นรถเปล่าวิ่งขึ้นมารับคนบนเขาหลายคัน แสดงว่าคนเริ่มซาแล้วปี 2563 เห็นว่าจะปิดงานวันที่ 24 มีนาคม ยังไงก็รีบไปกันนะครับ
ไม่อนุญาติให้นำดอกดาวเรืองขึ้นเขาแล้วด้วยค่ะจะมีเจ้าที่ยืนดูตรงทางขึ้นเลยค่ะเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดควรนำน้ำดื่มหรือเสบียงและยาดมผ้าเช็ดเหงื่อติดตัวไปด้วยนะคะ เพราะต้องได้ใช้แน่นอนค่ะและที่แนะนำสุดท้ายคือ ควรมาวันธรรมดา วันจันทร์ - วันพฤหัสฯจะดีกว่าค่ะ เพราะคนจะไม่เยอะไม่ต้องวุ่นวายต่อคิวขึ้นรถและเบียดเสียดตอนขึ้นเขาด้วย และไม่ต้องกลัวว่าจะมีเวลาเปิดปิดเพราะทุกอย่างที่นี่เปิด 24 ชั่วโมงถ้ากลัวแถวนั้นไม่มีของกินแนะนำให้ไปแถววัดพลวงค่ะของกินเยอะมากและมีที่พักให้เลือกหลายที่มีจอดรถเพื่อฝากกว้างขวางสำหรับคนที่ไม่พักรีสอร์ทด้วยค่ะ มีห้องน้ำห้องอาบน้ำไว้บริการเหมือนไปบางแสน-พัทยาด้วยค่ะ ไม่ต้องกลัวลำบากเลยวันที่ขึ้น อากาศหนาวมาก หมอกลงหนา
แนะนำให้เดินทางมาถึงจันทบุรีคืนวันอาทิตย์เพื่อที่จะขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏในเช้าวันจันทร์ซึ่งคนจะน้อยกว่าเสาร์_อาทิตย์สามารถขึ้นไปสักการะได้ตลอด 24 ชั่วโมงในระยะเวลา 60 วันที่เปิดให้ขึ้นได้ค่ารถขึ้น 100 บาทบวกค่าอุทยานแห่งชาติอีก 20 บาทส่วนค่าลดลงเขาอีก 100 บาทหรือถ้าไม่อยากขึ้นรถก็มีทางธรรมชาติให้เดินขึ้นไปได้ แต่ไกลมากควรหลีกเลี่ยงเสาร์อาทิตย์สุดท้ายของการเปิดให้เข้าสักการะ
กราบนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ 25/01/63 ก่อนการเดินทางแนะนำให้เตรียมความพร้อมของร่างกาย เพราะระยะทางคดเคี้ยวลาดชัน สำหรับผู้มีโรคประจำตัวไม่แนะนำค่ะ (จุดจอดรถวัดกะทิง จอดฟรีนะคะไม่เสียค่าใช้จ่าย) แต่เราต้องซื้อตั๋วรถเพื่อไปขึ้นเขา ราคา 200 บาท/คน ทั้งขาไปและกลับคะ มีค่าเข้าอุทยานอีกคนละ 20 บาทจ้า ควรเดินทางไปแต่เช้านะคะเพราะจะได้สัมผัสกับทะเลหมอกที่สวยงาม อากาศเย็น วิวทิวทัศที่สวยงาม คุ้มค่าเหนื่อย
ผมเริ่มการเดินทางที่วัดพลวง ซื้อตั๋วขึ้นรถคนละ100บาทต่อเที่ยว มีผู้คนมารอขึ้นรถเยอะมาก ผมเริ่มเดินทางประมาณ5ทุ่มครึ่งไปถึงจุดเดินขึ้นบันได้ ประมาณ12.00 คืน ผู้คนเยอะมาก บรรยากาศปกคลุมไปด้วยหมอก อากาศเย็นแต่ไม่หนาว มีละอองหมอกปกลุมเหมือนในหนังเหมือนมีคนปล่อยควันเข้ามา เราต้องไหว้พระก่อนขึ้นไปด้านบน ซึ้งจะไม่อนุญาติให้นำธุปเทียน และดอกไม้ขึ้นไปเราต้องเอาขึ้นไปได้แต่ทองคำเปลวและ ผ้าแดง เราต้องเอาผ้าสามสี ผูกที่แม่พระธรณี ตรงทางขึ้น และวางดอกไม้ ตรงทางขึ้นจะมีบูชาแผ่นทองคำสร้างพระ ขึ้นไป อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ หมอกเริ่มเยอะจนหยุดเป็นน้ำค้างตกยังกะฝน เดินขึ้นรอบพระพุทธบาท คนเยอะมาก ถอดรองเท้า ทุกคนกราบไหว้ปิดทอง และเดินไปตรงบริเวณผ้าแดงหรือ บาตรพระอานนท์ ก็ถือว่า สุด แล้ว ครับ
ไปนมัสการทุกปีครับ ทางเดินตอนนี้ ปรับปรุงดีขึ้นมาก สะอาดและเป็นระเบียบดีมาก และปีนี้ งดการนำถุงพลาสติกขึ้นไปบนเขา เห็นด้วยครับ เป็นการรักษาผืนป่า และ สัตว์ มิให้เป็นอันตรายจากถุงพลาสติก และ ขยับจุดผ้าแดง ออกไปอีกจากบาตรพระอานนท์ ดีครับ ไม่แออัด
ตอนนี้ทางผู้จัดระเบียบค่อนข้างบริหารจัดการได้ดี ทั้งเรื่องคิวรถรับส่ง ทางเดินสะดวก หากเดินทางขึ้นไปช่วงเช้ามืดและเป็นวันที่มีคนไม่มากนัก บรรยากาศด้านบนเหมาะแก่การสงบจิตสงบใจ ระลึกถึงองค์พระศาสดา
ไปถึงแล้วดีครับบรรยากาศดีราคาครับอากาศดีแต่ต้องรางกายแข็งแรงและมีความอดทนเป็นอย่างมากครับ
กราบไหว้ เพื่อเป็นศิริมงคล คนเยอะ ไม่้หงา ไม่เปลี่ยว ไม่ถึงกับหนาแน่น ทางเดินไม่ลำบากมาก ไม่มีของกินขาย เปิดไฟตลอด ควรมีน้ำดื่มพกมาด้วย ด้านบน ต้องถอดรองเท้า ไม่ต้องเอารองเท้าแพงๆ มา จะเป็นห่วง
เป็นสถานที่แสวงบุญบนยอดเขา มีหินก้อนใหญ่และรอยพระพุทธบาท ขึ้นมาเพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ขึ้นรถแล้วต้องเดินขึ้นเขามาเป็นทางลาดชัน ถ้าไม่อยากเดินขึ้นก็ใช้บริการลูกหาบได้ราคาสอบถามได้
สุดยอดจิงๆคับ. สุดยอดเขา. โหดมัน. ครั้งหนึ่งในชีวิต. ต้องขึ้น
ไปเมื่อ 23/2/2562ถึง 9 โมงเช้า อากาศเย็นมีเมฆฝนลอยผ่านต่อแถวรอเข้าไปไหว้ที่พระบาท ปิดทองกรุณาเก็บ แผ่นกระดาษออกมาด้วยน่ะครับมีที่ทิ้งขยะอยู่ด้านนอกราะครับทำบุญที่รอยพระบาท แล้วไปต่อที่ผ้าแดงครับ
มา 4 ปีติดต่อกัน รู้สึกดี :-) This holy mountain is open only 2 months in a year - usually around January to March. Visitors needs to check the exact date.
บรรยากาศดี อากาศดีมาก ผู้คนเดินทางมาสักการะบูชารอยพระพุทธบาทหลายหมื่นคน กระจายรายได้คืนสู่ชุมชนมหาศาล
ระยะทางที่ต้องเดินจากท่ารถประมาณ 2.5 km เส้นทางดีกว่าแต่ก่อนมาก แนะนำให้มาวันธรรมดาที่ไม่ใช้วันเสาร์อาทิตย์ เพราะในวันธรรมดานักเดินทางแทบไม่มี ไม่ต้องรอคิวรถนาน ทางเดินไม่แออัดครั
คนเยอะมากๆครับ เข้าไปไม่ถึงเลย
ใครชอบเส้นทางแรลลี่โหดมันฮาเชิญมาค่ะ ส่วนบนเขาต้องออกแรงหน่อย ก่อนขึ้นแนะนำกินให้อิ่ม ห่อน้ำ,ขนม ขึ้นไปแก้เหนื่อยก็ดีข้างบนไม่มีอะไรขายเลย ขึ้นไปถึงแล้วขอพรหนึ่งข้อ ไหนๆก็ขึ้นแล้วไปให้สุดผูกผ้าแดงด้วยจะได้ไม่เสียเที่ยว
เป็นประสบการณ์ที่ดีมากครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้มากราบไหว้รอยพระพุทธบาทและขอพรบนยอดเขาคิชฌกุฏ ไปเถอะบรรยากาศและความรู้สึกที่ต้องสัมผัสเอง คุ้มค่ากับการเดินทางแน่นอนครับ
พลังแห่งศรัทธา น่ามาเที่ยวสักครั้งครับ
ข้างบนสวยคะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
สูดอากาศธรรมชาติเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกที่1และจะมากราบรอยพระพุทธบาททุกปีเดินขึ้นลงสบายๆเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกปีที่มาปีนี้มากับเพื่อนและคนในอนาคต...
สักการะรอยพระบาทเขาคิชกูฏ สุขภาพแข็งแรง เงินไหลมาเทมา ชีวิตแคล้วคล้าวปลอดภัย ประสบผลสำเร็จตลอดกาลตลอดไปเทอญ
สิ่งอัศจรรย์ของไทย ต้องมาสักครั้งในชีวิต
ปีนี้คนเยอะมาก ค่ารถคะละ 200 คือไปกลับ แต่บรรยากาศดีมาก ใครจะเกินขึ้นก็ได้ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ต้องมานมัสการสักครั้งในชีวิต
ต้องมาสักครั้งครับปีละครั้งอากาศดีห้องน้ำเพียบ
ศูนย์รวมแห่งศรัทธาของชาวพุทธอีกแห่งหนึ่ง ได้ทั้งการท่องเที่ยวเดินป่าชมวิว และทำบุญทำทานในคราวเดียว
แนะนำให้มาขึ้นวันธรรมดาช่วงกลางคืน เพราะคนไม่เยอะมาก อากาศเย็นสบาย
การเดินทางโหดพอได้เลยแอบกลัว แต่ถือว่าคุ้มครับสวยงามอากาศเย็นสบาย
สถานที่แสวงบุญบนยอดเขา มีรอยพระพุทธบาทและหินก้อนใหญ่ เปิดให้เข้าชมเพียงไม่กี่เดือนต่อปี
ไปครังแรกเราต้องได้ไปครังที 2 กับ #ลองเดอเช่ สู้ๆๆ
วันนี้ไปไหวรอยพระพุทธบาทมาครับ คนเยอะมากๆ บรรยากาศดีมากๆ วิวสวย
ลำบากตอนเดินทางขึ้นแต่สวยดี ทุกอย่างดูเป็นธุระกิจแต่ก็มีข้อดีคือมีคนคอยจัดการ
ประสบการณ์ครั้งแรกเพราฝนตก ถนนลื่น ทดสอบพลังศรัทธา
ปีนี้ผ้าแดงเลื่อนจุดมาใกล้กว่าที่ผ่านมา การเดินต้องเตรียมน้ำดื่ม อาหารให้พร้อม ไม่มีขายข้างบนตั้งแต่ปีก่อน อ่อ...ครั้งนี้ห้ามเอาดอกไม้ธูปเทียนขึ้นไปด้วย จะมีเจ้าหน้าที่ทหารตรวจตราอยู่ ให้ไหว้ตรงลานสีวลีเป็นอันจบ ซื้อมาแบ่งกันใช้ก็ได้
โชคดีวันที่ไปมีหมอกลงหนา อากาศเย็นสบาย คนเยอะก็ไม่ร้อน
อยากจะบอกให้ทุกท่านทราบว่า ไปสักการะรอยพระพุทธบาทที่เขาคิชฌกูฏ กันนะคะ ได้บุญ อิ่มบุญทุกๆท่านค่ะ 、。。素晴らしい、。。
เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุด
ด้วยแรงแห่งศรัทธา ไปครั้งสุดท้ายเมื่อ 9/4/2014
ได้ขึ้นเขาไปไหว้พระบาทมา2รอบสวยมากวิวก้อดีมากคับ
กราบรอยพระพุทธบาทพลวงขออโหสิกรรม ที่ได้ล่วงเกินต่อรอยพระบาท ต่อพุทธสถานแผ่ให้บารมีแก่ทุกคนได้สว่างไสวไม่ใช่มาเพื่อขอเอาอะไร แล้วจะไม่ต่อหนี้กรรมใหม่อีกต่อไป
ผมมาเป็นครั้งแรดลูกชายเเละลูกสาวพามาสวยมากเลยนะเพื่อนๆๆ
รู้สึกดีมากครับเป็นการขึ้นเขาที่สนุกมาก เหนื่อยแต่พอเห็นวิวสวยๆแล้วสดชื่นครับ ได้ทำบุญตลอดทาง
เป็นสถานที่ที่น่าไปสักการะอีกที่หนึ่ง ซึ่งอาจจะขึ้นไปได้ลำบากนิดหน่อย แต่ขึ้นไปถึงแล้ว บรรยากาศดี ร่มรื่น เย็นสบาย รู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง สงบ มีน้ำให้กินระหว่างเดินขึ้นไปถึงยอดเขา เหนื่อยแต่คุ้มค่า ทำให้อยากกลับไปอีกครั้ง
ชาวพุทธสักคนั้งควรมาสักการะ ขึ้นรถ4x4ต้องจับแน่นๆ หลังจากนั้นค่อยๆเดินที่ละขั้น เมื่อถึงคือที่สุด
วันที่ไปคนเยอะมาก มีเพื่อนเดินขึ้นเขาเยอะเลย พอขึ้นไปข้างบนแล้วแทบไม่มีที่ให้นั่ง ให้เดิน วิวข้างบนสวยดี
ขุนเขาคิชฌกูฏ Khao Khitchakut 、Great Place 、National Park and Place of Worship 、。。สุดยอดศาสนสถาน ที่ทำบุญ、จังหวัดจันทบุรี 、。。Buddhist Stairway to Heaven 、。。素晴らしい 、。。
มาที่เขาคิชฌกูฎิ3ครั้งแล้วครับ 2ครั้งแรกสมหวังตามที่ขอไว้ ชอบนั่งรถขึ้นเขามันส์จริงๆครับขึ้นมาอากาศเย็นสบายครับ
คุ้มค่ากับการเดินทางมาก
โชคดีวันนี้มาอากาศเยนเหมือนหน้าหนาวหมอกลงตลอดตอนเดินขึ้นและมีทะเลหมอกให้ชมด้วย
เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิของชาวพุทธจะเปิดเขาให้ขึ้นไปศักการะเป็นช่วงไม่สามารถขึ้นไปได้ตลอดมีรถกะบะ บริการขึ้นเขาแนะยำว่าควรไปแต่เช้ามืดหากออกจากกรุงเทพ ต้องออกประมาณ 22.00น.จะมีบริการทัวร์ นั่งรถตู้ ไปต่ออีกทีบรรยากาศ เย็น เต็มไปด้วยผู้คนที่ศรัทธา
ไปก่อนเที่ยงคืนคนน้อย อากาศดี ไม่ใช่พุทธศาสนิกชนก็ไปเที่ยวได้
มาทุกปีคนเนืองแน่น
รอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดยอดเขาคิชฌกูฏ เปิดให้สักการะบูชาปีละ 1 ครั้ง เปิดเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
ควรไปวันธรรมดา เดินสบาย ร่มรื่นที่สำคั(ญได้สักการะพระพุทธบาทอันเป็นสิริมงคลแกชีวิต
ปีนี้ได้ขึ้นมาไหว้รอยพระพุทธบาทบนเขา วิวสวยๆหมอกเยอะดีครับ
คนเยอะเสาร์อาทิตย์
ครั้งหนึ่งที่เคยสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมาก น่าเดินทางมาสักการะอย่างยิ่งครับ สาธุๆๆ
จอดรถที่วัดกระทิง ที่จอดเยอะ รอคิวไม่นาน ขอเชิญชวนผู้แสวงบุญทุกท่านนะครับ
ครั้งหนึ่งในหลายครั้ง
เป็นสถานที่มีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนา ในแต่ละปีจะเปิดให้ประชาชนขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาท และสามารถเดินเท้าต่อไปยังจุดผ้าแดง โดยขึ้นรถบริการจากด้านล่าง เสียค่าโดยสารเที่ยวละ ๑๐๐ บาท ค่าผ่านด่านอุทยานท่านละ ๒๐ บาท โดยระยะทางรถวิ่งขึ้น ลง เขา เที่ยวละประมาณ ๕ กิโลเมตร สำหรับการเดินจากลานจอดรถพระสีวลรไปยังรอยพระพุทธบาทฯ เป็นระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตร สำหรับท่านที่ต้องการเดินต่อไปยังจุดผ้าแดงนั้นต้องเดินต่อจากลานพระพุทธบาทฯ ไปอีกประมาณ ๑ ิกิโลเมตร ขอให้มีความสุขกับการเดินทางจ้า
มาแล้วรวย
คนไม่เยอะเดินสบายยย
ขึ้นเขาตอนกลางคืนอากาศเย็นสบายมาก
ไม่รู้จะรีวิวยังไงดี แต่เป็นสถานที่ๆผู้คนไปแสวงบุญกัน แต่ละคนที่มามีความศรัทธากันมาก บางคนขอแล้วก็ได้ บางคนขอแล้วก็ไม่ได้ วันหยุดคนเยอะมากครับโดนเฉพาะกลางคืน
เทศกาลคนเยอะมาก
เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาจากผู้คนบรรยากาศดีเยี่ยม
ชอบมาแสวงบุญครับ
เป็นสถานที่แสวงบุญ
พลังศรัทธาของชาวพุทธ
ไปไหว้พระเพลินๆ แต่ขึ้นเขาเหนื่อยมากค่ะ!5555 เราไปช่วงเทศกาลที่มีคนเยอะ กว่าจะขึ้นไปถึงรอยพระพุทธบาท ก็หลายต่อมากค่ะ ทั้งนั่งรถกระบะ และก็เดินต่อเรื่อยๆ แล้วแม่เราให้ยกหินที่อยู่ให้ถุงด้วย มันไม่หนักมากหรอกแต่ว่าเวลาเดินขึ้นแล้วเหนื่อยมากอ่ะ เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเอาหินไปใส่ในถุงผ้าแล้วถือขึ้นไปด้วยเหมือนกัน ตอนไปถึงรอยพระพุทธบาทแล้ว จะเดินขึ้นไปจับหินใหญ่แล้วถ่ายรูปสักหน่อย เราลื่น เลยไปกล้าขึ้นไปถ่าย5555 แต่ว่าพอถึงรอยพระพุทธบาทแล้วมันมีทางขึ้นไปอีก แม่บอกให้ขึ้นต่อ เราก็ขึ้นต่อไปเรื่อย ยิ่งสูงยิ่งหนาววว บรื้ออ~~ แต่ว่าพอไหว้พระเสร็จก็รู้สึกภูมิใจตัวเองว่า เออเห้ย เราก็เดินขึ้นไปถึงบนนั้นได้นี่น่า ภูมิใจจ แต่ว่าก็ไปช่วงเด็กๆ นานมาแล้วว
ไปสักครั้งแล้วจะติดใจครับ (ในหนึ่งปีเปิดแค่สองเดือน)ค่ารถขึ้นลงคนละ 200 บาทค่าเข้าอุทยานคนละ 20 บาทขึ้นตอนตี2-ตี3 กำลังดีครับไปชมดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าข้างบนหนาวมากนะครับมีของน้ำ ห้องอาบน้ำ น้ำเย็นมาก ^_^ของกินแนะนำให้เตรียมไปเองครับโดนเฉพาะน้ำดื่ม เพราะข้างบนอาจขาดแคลน*** ออกแนวเดินป่าปีนเขานะครับ ไม่ได้สะดวกสบาย***(ใจรัก ก็ออกเดินทางได้เลยครับ)
ตั้งแต่ปี 2561มามีการจัดระเบียบการขึ้นลงที่ดีขึ้น สามารถเดินทางได้ตลอด 24 ชม. มีจุดขึ้นรถถึงสามจุดด้วยกัน ที่วัดพลวงจะเป็นที่ใกล้ที่สุดนั่งรถน้อยสุด ค่าโดยสารขึ้นลงเที่ยวละ 100 บาท รถออกตลอดเวลาเมื่อคนเต็มครบสิบคนต่อคัน เดินทางราว 25 นาที จากนั้นเดินต่อถึงยอดอีกราว 1 ชม. มีเสลี่ยงให้นั่งถ้าเดินไม่ไหว ค่าใช้จ่าย ขึ้น 1000 บาท ลง 1000 บาท ไม่มีอาหารและน้ำขายต้องเตรียมกันไปเอง ถึงบริเวณพระบาทแล้วถ้าจะไปต่อบริเวณผ้าเเดงก็เดินอีกราว 20 นาที แนะนำขึ้นในช่วงบ่ายคนจะไม่มากเท่าตอนเช้า กลับลงมาตอนเย็นๆจะไปค้างคืนต่อในเมืองหรือจะขับรถกลับกรุงเทพเลยก็ยังพอไหวครับ
นับเป็นบุญครับ
ทางขึ้นเขาลาดชัน หวาดเสียว ลงจากรถโดยสารแล้วเดินต่อไม่ไกล ทางเดินสบายไม่ลำบากนัก ชมรอยพระบาท ต้องทำใจห้องน้ำเพราะคนเยอะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะไปควรจัดระเบียบเพื่อความงามของสถานที่
ควรมีน้ำบริการของนักท่องเที่ยวที่มาจากทั้งหมดควรให้หน่วยงานราชการจัดเรื่องนี้ด้วยครับ
ขึ้นช่วงตี3อากาศเย็นสบายๆมากๆครับ
เพิ่งขึ้นไปกราบนมัสการ. เมื่อวันที่18มค.61นี้เองเริ่ม17มค.61-17มีค.61นะครับ. เปิดขึ้นได้24ชม. ควรมีเป้เล็กๆติดตัวไปไว้ใส่น้ำดื่มหรือข้าวของจำเป็นนะครับ...แต่งกายให้รัดกุมหน่อยครับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์...แนะนำใส่ผ้าใบเดินนะครับ...มันสะดวกกว่า...มาทำบุญกันนะครับ...และแบงค์ย่อย20,50,100,500 ไว้เยอะๆนะครับ. ค่ารถเที่ยวละ100ไปกลับ200. ส่วนค่าเข้าพื้นที่อุทยานอีกคนละ20บาทครับ
น่าจะเรียกได้ว่าเป็นทริปที่ผมภูมิใจที่สุด..มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล..ผมมาที่นี่เพราะคิดว่าเป็นคนพุทธที่อยากอยู่ใกล้ชิดพระพุทธองค์แม้จะเป็นเพียงรอยเท้า..ที่ท่านให้ไว้หลังจากที่เสด็จปรินิพพานไปแล้ว..เมื่อได้ไปกราบไหว,สัมผัสเพื่อแต่หน้าผาก ก็ขนลุกเหมือนว่าท่านยังอยู่กับเราเสมอในทุกๆที่ในโลกใบนี้
1 ปี พร 1ข้อ ขอได้ข้อเดียวสำเร็จดั่งใจที่ขอครับ
ถ้าลงอำเภอ ไม่แนะนำให้ซื้อชุดธูปเทียนมีราคาแพง 100 บาท ก่อนขึ้นเขาไปพระพุทธบาทจะมีจุดบริการชุดธูปเทียนฟรี ทำบุญตามศรัทธา เดินทาง วันอาทิตย์ 21 ม.ค 61 ตอนขึ้นรถกระบะ สนุกมาก คนบนเขาไม่ค่อยเยอะคับ มีไม้เท้าบริการ ข้างบนวิวสวย เหมาะเป็นจุดถ่ายรูป อากาศดีมาก ชมพระพุทธบาทสวยงาม ศักดิ์สิทธิ์ ทรงคุณค่า และองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์
ถ้ายังไม่เคยไปต้องไปลองเดินดูสุดยอด
หมอกลงตอนเช้าเย็นสบาย ทำให้เดินเขาไม่เหนื่อยเลย
รู้สึกว่าได้รับบุญกุศลอย่างเต็มที่ ถ้ามีบุญมากอยากจะไปทุกปีครับผม
กำลังศรัทธาที่สูง ทำให้เป็นสถานที่ศักสิทธิ์อย่างมาก
เป็นการแสวงบุญที่ต้องใช้ทรัพยากรมากทั้งแรงกาย แรงใจ และแรงเงิน เอาไปเท่าไรจ่ายหมด สถานีทำบุญเยอะมาก เดินทางลำบากมาก ขึ้นรถขนหมู หัวแดงไปหมด เหมือนไปแอดเวนเจอร์ เดินจนเมื่อย แต่คุ้มค่า ต้องไปให้ได้ซักครั้งนะในชีวิต ที่นี่เปิดปีละครั้ง ต้องคอยฟังข่าว ถึงพระธาตุแล้ว อย่าเพิ่งกลับ เดินเลยไปให้สุดถึงผ้าแดงเลยนะ
เปิดให้ขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทประจำปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 5 กพ ถึง 5 เมษ 2562 สาธุ สาธุ สาธุ
หุบเขาเดินไม่ไหว มันขาเมื่อยเรยเราขอให้รอบพระใหญ่รอยพระบาทสาธุ
ทุกก้้าวที่เดิน และเหงื่อทุกหยด ขอน้อมถวายพระพุทธองค์
แวะมาสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และงานประจำปี ที่ภาคภูมิใจของชาวจันทบุรี เหนื่อยแต่อิ่มใจ อยากให้หาโอกาสมาสักครั้งนึงในชีวิต
สาธุ