เป็นวัดที่อยุ่ในเมือง เงียบสงบสะอาดคับ
ไปกราบท่านทอง หลวงพ่อเป็นผู้ป่วยไต ต้องฟอกไตตลอด นำอาหารผู้ป่วยไตไปถวาย คำสอนของท่านคือคิดดีทำดีพูดดี อย่าคิดอิจฉาใคร อย่าทำบุญที่เบียดเบียดตัวเอง น้ำสักขวดก็ได้บุญแล้ว อย่าโลภจะได้ไม่เป็นเหยื่อมิจฉาชีพ สาธุ
สร้างเมื่อปี พ.ศ.2442 ในอดีตเป็นสถานที่เลี้ยงช้างหลวง ต่อมาท่านเจ้าคุณพระรัตนธัชมุนี (ม่วง เปรียญ)ในสมัยรัชกาลที่ 5 เห็น ว่าที่ดินบริเวณโรงเลี้ยงช้างหลวงเป็นที่รกร้างและอยู่ใกล้กับศาลากลาง จังหวัด ท่านเจ้าคุณพระรัตนธัชมุนีจึงจัดตั้งวัดขึ้นเป็นวัดของธรรมยุตนิกาย หลังจากที่เจ้าคุณพระรัตนธัชมุนี (ม่วง เปรียญ) ผู้ก่อตั้งวัดสวนป่านได้ถึงแก่มรณภาพไปเมื่อปี พ.ศ.2477แล้ว ศิษยานุศิษย์ของท่านเจ้าคุณฯ ได้สร้างเจดีย์แบบลังกาย่อส่วนขึ้นไว้เป็นที่ระลึกถึงท่านเจ้าคุณด้วยความ กตัญญูกตเวทีให้เป็นอนุสรณ์ ภายในวัดมีสถานที่สำคัญปรากฏเด่นเป็นสง่าอยู่ 2 อย่างคือ 1.ศาลาการเปรียญ (ศาลาพระหมิด) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ภายในมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัด คือ พระหมิด เป็นพระพุทธรูปสำริดปางประทับยืนที่ชาวบ้านแถบวัดสวนป่านทั้งใกล้ไกลเคารพ นับถีอมานานร่วม 100 ปี สังเกตจากทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันมาชั้นแล้วชั้นเล่า ปกติศาลาการเปรียญจะเปิดให้เข้าชมพร้อมฟังเทศน์ทุกวันพระและตลอดช่วงเข้า พรรษา 2.อุโบสถ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ เป็นศาสนสถานที่วิจิตรแห่งหนึ่งในตัวเมือง ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม ผลงานของแนบ ทิชินพงศ์ ผู้มีผลงานดีเด่นด้านศิลปะของนครศรีธรรมราช วาดเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 แสดง ภาพพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาพประวัติเรื่องราวแสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวเมืองนครศรีธรรมราช ในสมัยนั้น โดยเฉพาะภาพสมัย รัชกาลที่ 5 เสด็จมาประทับที่วัดสวนป่าน เมื่อครั้งเสด็จกลับจากประเทศ อินโดนิเซีย เมื่อปี พ.ศ. 2441 การเข้าสักการะ พระหมิด และชมความวิจิตรภายในอุโบสถต้องติดต่อทางวัด
สงบ ร่มรื่น ใกล้บ้านมาก
ปลอดภัย เป็นรมณียสถาน