คริสตจักรที่ 1 ลำปาง ได้สถาปนาเป็นคริสตจักร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม ค.ศ.1880 โดย ศาสนาจารย์ ดร.ดาเนียล แมคกิลวารี เป็นผู้ประกอบพิธีสถาปนา มีผู้ปกครองคนแรกที่ได้รับการสถาปนาเป็นผู้ปกครองเพื่อดูแลคริสตจักร คือ พระยาสีหนาท (ตำแหน่งเค้าสนามหลวงเมืองลำปาง)ประวัติความเป็นมาของคริสตจักร เริ่มต้นในปี ค.ศ.1858 (พ.ศ.2401) โดย พระยาสีหนาท ได้ติดตามเจ้าวรญาณรังษีภักดีธรรม เจ้าผู้ครองนครลำปางไปราชการ กรุงเทพฯ ท่านได้รับแจกหนังสือพระคัมภีร์ พระธรรมมาระโก ฉบับพิมพ์ภาษาไทยจาก ศาสนาจารย์ นายแพทย์แดนบิช บรัดเลย์และได้ใช้เวลาศึกษาไตร่ตรองถึง 20 ปี เมื่อมีโอกาสได้ขึ้นไปปฏิบัติงานราชการที่เชียงใหม่ ได้พบกับ ศาสนาจารย์ ดร.ดาเนียล แม็คกิลวารี ท่านได้ซักถามปัญหาและข้อสงสัยจากพระคัมภีร์ จนในที่สุดได้ตัดสินใจ รับเชื่อและรับบัพติศมาที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1878 (พ.ศ.2421) หลังจากนั้นท่านได้กลับมาที่ลำปาง เริ่มเผยแพร่ศาสนาสถาปนา ตั้งเป็นคริสตจักรคริสตจักรในยุคแรกได้ถูกเรียกชื่อตามชื่อของจังหวัดลำปางในอดีต ตามรายงานของมิชชันนารีจะปรากฏชื่อของคริสตจักร ได้แก่ คริสตจักรละกอน คริสตจักรลคร คริสตจักรลำปาง คริสตจักรฟรีสัน จนในที่สุด เมื่อตั้งสภาคริสตจักร ในประเทศไทย จึงได้กำหนดชื่ออย่างเป็นทางการว่า คริสตจักรที่ 1 ลำปาง ในปี ค.ศ.1885 (พ.ศ.2428) มีศาสนาจารย์โจนาธาน วิลสันเป็นศิษยาภิบาลคนแรกของ คริสตจักร และมีมิสแคทรีน ฟลีสันได้เข้ามาทำงานในจังหวัดลำปาง มีพันธกิจ 3 อย่างคือ พันธกิจเผยแพร่ศาสนาโดยตั้งคริสตจักรตามที่ต่างๆ พันธกิจการศึกษาโดย ตั้งโรงเรียน วิชชานารีและโรงเรียนเคนเน็ตแม็คเคนซี พันธกิจการรักษาพยาบาล โดยตั้งโรงพยาบาล แวนแซนต์วูร์ด และในปีค.ศ.1889 (พ.ศ.2432) ได้สร้างโบสถ์ หลังเล็กด้วยไม้ไผ่ หลังคามุงใบตองตึงในบริเวณที่ดินของมิชชั่น คือ บริเวณโรงพยาบาลแวนแซนต์วูร์ด แต่ไม่นานก็พัง จากนั้นมีการสร้างอาคารไม้ สักทั้งหลัง จนถึงปี ค.ศ.1904 (พ.ศ.2447) ตัวโบสถ์ได้ถูกลมพายุพัดและพังลง จึงไปใช้ห้องสมุดโรงเรียนวิชชานารีเป็นที่ นมัสการพระเจ้าแทน จนในที่สุดมีการเริ่ม สร้างพระวิหารถาวรในปี ค.ศ.1909 (พ.ศ.2452) หลังจากที่มิสแคทรีน ฟลีสัน ได้เสียชีวิตลง ซึ่งใช้มาถึงปัจจุบันนี้การก่อสร้างพระวิหารนี้สร้างบนที่ดินที่มิสแคทรีน ฟลีสัน จัดซื้อไว้เพื่อขยาย โรงเรียน ผู้ออกแบบวิหาร คือ ศาสนาจารย์โจนาธาน วิลสันและศาสนาจารย์ฮิวจ์ เทเลอร์ ซึ่งทั้งสองท่านเป็นผู้มีความรู้ในการก่อสร้างโดยใช้เวลาสร้างเกือบ 20 ปี จึงจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะอิฐทุกก้อนจะต้องปั้นและเผาเอง แรงงานส่วนใหญ่ มาจากสมาชิก เสาทุกต้นก่ออิฐถือปูน ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้อยู่ในความดูแลของ ศาสนาจารย์ ดร.ทินกร ศิริวนากุล ศิษยาภิบาล และศาสนาจารย์ยุหนะ จะสี ศิษยาภิบาล ฝ่ายเยี่ยมเยียน