วัดสุปัฏนารามวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีและเป็นวัดแรกของคณะสงฆ์ธรรมยุตินิกายในจังหวัดอุบลราชธานีและภาคอีสาน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูลทางด้านทิศใต้ของตัวเมืองอุบลราชธานี มีพื้นที่ทั้งหมด 21 ไร่ 3 งาน 10 ตารางวา โดยในราว พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระพรหมราชวงศ์ (กุทอง สุวรรณกูฏ) เจ้าเมืองอุบลราชธานีในสมัยนั้นให้สร้างวัดถวาย เจ้าเมืองและคณะกรรมการเมืองอุบลราชธานี จึงได้เลือกพื้นที่ท่าน้ำที่มีคุ้งน้ำลึกริมฝั่งแม่น้ำมูลตั้งอยู่ระหว่างตัวเมืองอุบลและบ้านบุ่งกาแซวเป็นสถานที่สร้างวัดถวายพระองค์ เพราะสะดวกในการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ ด้วยเป็นเขตน้ำลึกเข้าออกสะดวก โดยมีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) เป็นผู้อำนวยการสร้างวัด ได้มอบหมายให้หลวงสถิตนิมานกาล (ชวน) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง และได้อาราธนาท่านพันฺธุโล (ดี) ปุราณสหธรรมิก และท่านเทวธัมฺมี (ม้าว) สิทธิวิทาริก มาครองวัด พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานทรัพย์ 10 ชั่ง (800 บาท) ให้มีผู้ปฏิบัติวัด 60 คน และพระราชทานนิตยภัตต์แก่เจ้าอาวาสเดือนละ 8 บาท วัดถูกสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2396 ทรงพระราชทานนามว่า วัดสุปัฏนาราม และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ได้ทรงยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2479เจ้าอาวาสที่ครองวัดสืบต่อกันมาเริ่มตั้งแต่ ท่านพันธุโล (ดี) ท่านเทวธัมมี (ม้าว) พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) พระพรหมมุนี (อ้วน) และท่านมหาวีระวงศ์ (อ้วน ติสโส)วัดสุปัฏนาราม เกิดจากคำ 3 คำ คือ สุ+ปัฏนะ+อาราม สุ แปลว่า ดี งาม ปัฏนะ แปลว่า ท่าน้ำ ท่าเรือ อาราม แปลว่า วัด สุปัฏนาราม จึงมีคำแปลว่า วัดที่มีท่าน้ำหรือท่าเรือที่ดีสะดวกในการขึ้นลงเรือพระอุโบสถวัดสุปัฏนารามวรวิหารในสมัยสมเด็จพระมหาวีระวงศ์ (อ้วน ติสโส) เมื่อครั้งเป็นพระพรหมมุนี ได้ทำการรื้ออุโบสถหลังเก่าออก และสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น อุโบสถหลังนี้มีผู้เขียนแบบ คือ หลวงสถิตนิมานกาล (ชวน สุปิยพันธ์) ซึ่งเป็นนายช่างทางหลวงแผ่นดิน โดยร่วมกันวางแผนและเตรียมการก่อสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2460 ลงมือก่อสร้างในปี พ.ศ. 2463 การก่อสร้างเป็นการก่ออิฐถือปูนโดยมีช่างญวนกับช่างจีนเป็นผู้ดำเนินการสร้าง มีขนาดความยาว 35 เมตร กว้าง 21 เมตร ลักษณะอุโบสถสร้างคล้ายทรงพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 (อิทธิพลจีน) ตัวอาคารมีชาลาหรือระเบียง เสานางจรัลหรือเสานางเรียงทรงสี่เหลี่ยมล้อมรอบอุโบสถ ระหว่างเสาก่ออิฐเป็นรูปโค้งเรือนแก้วแบบโกธิคของฝรั่งเศส ตัวอาคารไม่มีหน้าต่างแต่ทำเป็นประตูโดยรอบทั้งทางด้านหน้าและด้านข้าง หลังคาทรงจั่ว ชั้นเดียวมีพะไรหรือปีกนก 2 ข้างคลุมชาลา หน้าจั่วเรียบเต็มเสมอเสาด้านหน้าคล้ายโบสถ์อิทธิพลจีนในสมัยรัชกาลที่ 3 ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นเป็นลายไทยฝีมือช่างญวน ช่อฟ้ารวยลำยองทำเป็นรูปพญานาคแบบญวน เชิงบันไดทั้ง 4 ด้าน ปั้นเป็นรูปสิงโตหมอบยิ้มแบบญวนอยู่มุมละ 1 ตัว ซึ่งเป็นแบบที่พบตามวัดต่าง ๆ หลายแห่งในจังหวัดอุบลราชธานีที่สร้างโดยประติมากรรมสิงโตหมอบที่อยู่เชิงบันไดด้านหน้าพระอุโบสถนั้นเป็นกุศโลบายของสมเด็จพระมหาวีระวงศ์ (อ้วน ติสโส) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า แม้แต่สัตว์ป่าดุร้ายเมื่อเข้าถึงพระพุทธศาสนาก็สามารถทำให้เชื่องลงได้พระอุโบสถของวัดสุปัฏนารามวรวิหารหลังนี้ จึงมีลักษณะผสมผสานกันทางสถาปัตยกรรม 3 ชาติ นั่นคือ หลังคาเป็นสถาปัตยกรรมแบบชาวสยามหรือแบบไทย ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมทางยุโรปแบบเยอรมัน ส่วนฐานเป็นสถาปัตยกรรมขอม พระอุโบสถนี้สร้างเสร็จส่วนหยาบในปี พ.ศ. 2473 ติดดวงดาวเพดานในปี พ.ศ. 2478 และจัดงานฉลองผูกพัทธสีมา ในปี พ.ศ. 2479 ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 70 ล้านบาท พระประธานในพระอุโบสถ นามว่า “พระพุทธสัพพัญญูเจ้า”พระพุทธสัพพัญญูเจ้า พระนาคปรกศิลาทราย และพระพุทธสิหิงค์จำลอง ประดิษฐาน ณ อุโบสถวัดสุปัฏนารามวรวิหารในปี พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร ณ จังหวัดอุบลราชธานีเป็นครั้งแรก ได้เสด็จฯ มายังอุโบสถวัดสุปัฏนารามวรวิหาร เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 หลังทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธสัพพัญญูเจ้าในพระอุโบสถแล้ว เสด็จออกมาทรงรับการบายศรีสมโภชซึ่งข้าราชการและประชาชนชาวอุบลราชธานีจัดถวายตามประเพณีของชาวอุบลราชธานี โดยประทับนั่งภายใต้พระมหาเศวตฉัตรบนระเบียงหน้าพระอุโบสถ
อยู่ติดแม่น้ำมูล เข้ามามีแต่สร้างปลูกสร้างเยอะ มีโรงเรียนอยู่ในบริเวณเดียวกับวัดเลย ทำให้คนเยอะ ที่จอดรถ ห้องน้ำสะอาด บริเวณวัดกว้าง คนมาทำบุญกันไม่เยอะ แต่มีคนเข้ามาชมวิว มานั่งพักผ่อนริมน้ำมูลพอประมาณ ร่มรื่นดีครับ มีต้นไม้ใหญ่ ได้อาศัยร้มหลบแดด ลมพัดเย็นสบาย จุดชมวิวแม่น้ำมูลจุดนี้สวย ซ้ายมือจะเห็นสะพานข้ามน้ำมูล ด้านขวามือจะเห็นโค้งน้ำ และที่นี้ยังเป็นวังปลา เขตอภัยทาน ปลาตัวโตๆเยอะมากมาย เหมาะมาทำบุญ และมาพักผ่อนดี พระอุโบสถสีขาวสวยเรียบๆ ภายในกว้าง ครับ
มีให้ปล่อยปลา ให้อาหารปลา ให้อาหารนกพอราบ วิวสวย
ชื่อวัดสุปัฏ เหมาะกับการมาปล่อยปลา ปัดเป่าเรื่องไม่ดีให้พ้นไปครับ
มายุที่ อุบล วันแรก ก้มา ณ สถานที่นี้เป้นจุดแรกชอบมากค่ะ
วัดสวยมีที่ให้อาหารปลาและที่ไหวพระครับ วัดจะอยู่ในโรงเรียนเลยนะครับ ผมไปผมไม่รู้ขับหานานหน่อย
มาให้อาหารนก และไหว้พระ เย็นสบายใจดีครับ
สถานที่ร่มรื่น มีที่ให้ถ่ายรูปสวยงาม
สงบ สวยงาม เป็นจุดเริ่มในการเดินเที่ยว ตัวเมืองอุบล ที่ดี
วัดโบราณริมแม่น้ำมูล
สวยดีครับ ติดแม่น้ำ แต่การจัดวางสะเปะสะปะมาก วัด โรงเรียน ที่จอดรถ ปนเปกันไปหมด
วัดสวยมากๆค่ะ บรรยายกาศดีมาก
จุดชมวิว แม่น้ำมูล ในเมืองอุบลราชธานี อีกแห่งที่ สวยงามมาก เห็นวิว สะพาน คเห็นวิวโค้ง แม่น้ำมูล และมีที่ให้อาหารปลาตัวใหญ่ๆ ด้วยครับ สามารถเข้าไปกราบไหว้พระในโบสถ์ได้ด้วยนะครับ
มีท่าน้ำ วังมัจฉา ปลาตัวโตมาก เหมาะทำบุญเลี้ยงปลาเลี้ยงนก นั่งปล่อยอารมณ์สบายๆ ยามเย็นริมน้ำมูล
ศาสนสถาน ตั้งขึ้นในรัชการที่สาม
พระอารามสวยมาก. ไปให้อาหารปลาช่วงเย็นๆบรรยากาศกำลังดี มีลมเย็นๆ
วัดธรรมยุตแห่งแรกของเมืองอุบลราชธานี สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่สี่ แห่งราชวงศ์จักรี ตั้งชื่อตามท่าน้ำริมมูล มีสมเด็จมาแล้วสองรูป มีโรงเรียนสมเด็จ มีพระอุโบสถที่สวยงาม มีสถาบันพลังจิตตานุภาพ
เป็นสถานที่ที่สวยงาม มีที่ให้อาหารปลา และมุมถ่ายรูปริมน้ำ
เป็นวัดธรรมยุติกนิกาย วัดเเรกในภาคอีสาน มีโบราณสถาน เเละโบราณวัตถุมากมาก
ให้อาหารปลา อาหารนกคลายเครียด
ใหว้พระเสร็จแล้วลงมาให้อาหารปลาด้วยนะครับ
อารามหลวงนิกายธรรมยุทธ
วัดติดริมน้ำ มีให้อาหารปลาและนก วัดสวยมองแล้วสบายตา
วัดมีที่ให้อาหารปลาที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดและมีศาลาที่สวยงาม
ไหว้พระแวะลงไปให้อาหารปลาและมีโรงเรียนสมเด็จอุบลราชธานี
วัดที่สวยติดแม่นํ้า ไปทำบุญให้อาหารปลา
8 เม.ย 62 พิธีทำนํ้าพุทธาพิเษก
ทำให้มีความสุขและสบายใจในชีวิตต่อไป
บริเวณให้อาหารปลา อยากให้มีการจัดการถุงขยะอาหารปลาแบบมีฝาปิด เพราะขยะถุงดำเต็มล้นถังลอยมา กลัวจะปลิว
ชอบไปทำบุญที่นี่มากค่ะ ชอบบรรยากาศ สงบ
มาครั้งที่2 มาครั้งนี้มาตอนเย็นดูพระอาทิตย์ตก
วัดที่สร้างขึ้นในสมัยร.4 คำว่าสุ แปลว่า ดี สวยงาม ปัฏนะ ท่าเรือ
เงียบสงบ
น้ำท่วม 2562
เจ้าอาวาสมีเมตตาสูง มีสมบัติเก่ามีค่ามหาศาลเก็บในวัด ได้ชมแล้วรู้สึกได้ว่าประมาณค่ามิได้
ทำบุญไหว้พระ
มีที่ปล่อยปลา วิวสวย บรรยากาศดี
สถานที่ก่อกำเนิดคณะสงฆ์ธรรมยุตภาคอิสาน
ชอบไป เวลาเศร้าๆ เบื่อๆ ไปให้อาหารปลา..* กรุณารักษาความสะอาดช่วยกันด้วยนะคะ* ดื่มน้ำ กินขนม หรือให้อาหารปลาก็ช่วยกันเก็บไปทิ้งด้วยนะ
วัดสุปัฏนารามวรวิหาร ตั้งอยู่ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร เป็นวัดธรรมยุตวัดแรกในเมืองอุบลราชธานี อยู่ริมแม่น้ำมูล ทางทิศใต้ของศาลากลางจังหวัด เขตเทศบาลเมืองอุบลราชธานี สร้างเมื่อ พ.ศ. 2396 สมัยพระพรหมราชวงศา (พระอุปราชกุทอง) เป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 3 ตรงกับสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สร้างวัดเสร็จและพระราชทานนามว่า วัดสุปัฏนาราม มีความหมายของคำ 2 นัย คือ หนึ่ง หมายถึงวัดที่มีสถานที่ตั้งเหมาะสมเพื่อเป็นท่าเรือดี เพราะอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูลที่สะดวกในการเดินทางและการบิณฑบาต สองหมายถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นศาสนสถานเปรียบดั่งท่าเรือดีที่อำนวยความสะดวกให้แก่มวลมนุษย์ข้ามพ้นโอฆสงสารไปได้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชศรัทธาสร้างวัดสุปัฏนาราม โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้กรมการเมืองอุบลราชธานี มีพระพรหมราชวงศา (พระอุปราชกุทอง) เป็นประธานเลือกพื้นที่และดำเนินการสร้างวัดเมื่อ พ.ศ. 2393 ณ บริเวณท่าเหนือ ระหว่างบ้านบุ่งกะแซว (ปัจจุบันเรียกว่าบุ่งกะแทว) โดยเฉพาะเป็นสถานที่สงัดเหมาะในการบำเพ็ญศาสนกิจและสะดวกโคจรบิณฑบาต แล้วประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อ พ.ศ.2396 ทั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระพรหมราชวงศาอาราธนาพระพันธโลเถร (ดี) และพระเทวธมมี (ม้าว) มาครองวัด จนกระทั้ง พ.ศ.2478 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดสุปัฏนารามวรวิหารพระอุโบสถวัดสุปัฏนารามวรวิหาร สร้างเมื่อ พ.ศ.2459 แล้วเสร็จใน พ.ศ.2473 หลวงสถิตย์นิมานการ (ชวน สุปิยพันธุ์) เป็นผู้ออกแบบก่อสร้างที่ผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันออกและศิลปะตะวันตกอย่างกลมกลืน รูปแบบสถาปัตยกรรมจำแนกเป็น 3 ส่วน คือหลังคาเป็นแบบไทย ส่วนกลางเป็นแบบยุโรป (เยอรมัน) และส่วนฐาน เป็นแบบขอมโบราณ ลักษณะโดดเด่นประการหนึ่งคือ ไม่มีหน้าต่าง แต่เป็นประตูโดยรอบ สร้างหันหน้าไปทางทิศใต้ริมฝั่งแม่น้ำมูล มีความแตกต่างจากอุโบสถอื่นชัดเจน คือ หน้าบันพระอุโบสถมีใบเสมาตั้งโดยรอบ เป็นโบราณสถานที่งดงามแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี ภายในพระอุโบสถมีพระประธานเป็นพระพุทธรูปสำคัญเรียกว่า พระสัพพัญญูเจ้า เป็นโลหะหล่อขัด สร้างเมื่อ พ.ศ.2459 และมีพระพุทธรูปสำคัญอีกหลายองค์
สวยงามยามเย็นๆให้อาหารปลามีกบด้วยชอบๆพึ่งเคยเห็นกบแบบใกล้ชิด🐸🐸🐸
วัดที่สำคัญวัดหนึ่งในจังหวัดอุบลฯ มีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บวัตถุโบราณที่น่าศึกษา ถ้ามีโอกาสอย่าลืมขอแวะชมและศึกษาครับ
ที่วัดมีให้อาหารปลาด้วย บวกกับวิวน้ำมูลสวยๆ ไปช่วงเย็นๆ เห็นพระอาทิตย์ตกคือดี เหมาะแก่การถ่ายภาพ
และเป็นที่ตั้งของสถาบันพลังจิตตานุภาพสาขาที่44 จ.อุบลราชธานีด้วย อยู่ด้านในของวัดสุปัฏนารามวรวิหาร ติดริมแม่น้ำมูล บรรยากาศเหมาะสมกับการเรียนสมาธิเป็นอย่างยิ่ง
นกพิราบแล้ะขี้นกมากมายก่ายกอง..อันตรายจากเชื้อไวรัสนะครับ..อย่าพาเด็กๆไปบริเวณปล่อยปลาเด็ดขาด
สวยงาม บรรยากาศดี ไปไหว้พระ ทำบุญ เวียนเทียน ให้อาหารปลา
ติดแม่น้ำมูล ให้อาหารปลา โบสถ์สวยเก่าแก่ วิวแม่น้ำสวยงาม
ความเป็นเอกลักษ์แห่งงานศิลป์ในพระพุธศานา โดดเด่นมาก
สวย ร่มรื่น
เป็นวัดที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จ อยู่ติดแม่น้ำมูล มีจุดให้อาหารปลา
ศิลปะแบบลาวผสม ตัววิหารสวยงาม วิจิตร จุดเด่นคือแพวังมัจฉาริมน้ำ ที่ผู้คนมักมาให้อาหารปลาและนกกัน
🙏
สายบุญไม่ควรพลาด หนึ่งในเก้าวัดของจังหวัดอุบลราชธานี ที่ต้องแวะ
วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ ตั้งอยู่ริมฝั่งมูลสถานที่กว้างขวางร่มรื่นมีทางเดินเชื่อมต่อฝั่งมูลสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ริมสองฝั่งอากาศดี
เป็นวัดที่เก่าแก่ สวยงาม ตอนเย็นมีทิวทัศน์ที่มองผ่านแม่น้ำมูลไปทาวตพวันตกงดงามมาก หน้าวัดมีปลาคงจะเป็นหมื่นตัวมารออาหารจากผู้ใจบุญ กับมีนกพิราปหลายสิบตัวมารอรับอาหารด้วย
มี local guide พามาวัดนี้ บอกว่า มีศิลปะ การสร้างที่ผสมผสานความเป็นไทยและวัฒนธรรมบางส่วนจากตะวันตก ซึ่งดูแล้วก็สวยงามตามที่เขาได้พาไปไหว้.
บรรยากาศยามเย็นดีมาก นั่งให้อาหารปลาชิวๆ
แวะไหว้พระแก้ว ชมของเก่าสะสมสมัย ร.5
เป็นโรงเรียที่ชอบมาก
วัดเก่าแก่ของเมืองอุบล อยู่ติดแม่น้ำมูล มีท่าน้ำให้ลงไปชมวิว ให้อาหารปลา ชอบมาก
เป็นสถานที่เงียบสงบเหมาะกับการทำบุญ ทำสมาธิ เจริญภาวนาได้ดีอย่างมากครับ
มีสถานที่ให้อาหารปลาที่บริเวณริมน้ำมูลด้วย
งานถวายดอกไม้จันทร์ที่วัดสุปัฎวนาราม อุบลราชธานี และการบริการน้ำให้ประชาชนที่มาวางดอกไม้จันทร์ กับสมาคมทรองเที่ยวอุบลฯ
วัดนี้เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวที่ดีมาก
พาคุณพ่อคุณแม่ไปวัดสุปัฏฯซึ่งเป็นสถานที่ตั้งพระเมรุมาศจำลองของ เขตอำเภอเมืองอุบลฯ
สถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาติดกับแม่นำมูลใกล้ทางรถไฟห่างจากขนส่งเล็กน้อย ใกล้สนามบินกองบิน 21 ติดสะดวกรวดเร็ว
ลูกชายผมเรียนอยู่ที่นี่คัฟ555
เป็นที่น่ามาทำบุณกราบไห้วพระ
จะมาที่นี้ทุกทีเลยย
เคยไปเมื่อวันที่ 9 มกราคม 17 ดูแปร๊บๆก็กลับ
ดีใจมากมีได้เปนส่วนหนึ่งในงานนีคับ
ให้อาหารนกนกมาเกาะมือสุดยอดไปเลย
วัดสงบ มีที่นั่งพักผ่อน มีที่ให้อาหารนกอาหารปลา ชอบๆๆ
วัดเงียบสงบ มีแหล่งพักผ่อน ให้อาหารปลา นกริมน้ำมูล
สาธุขอให้มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองแคล้วคลาดปลอดภัยสาธุครับ
วัดเก่าแก่ ของจ.อุบลฯ
วัดหลวงแห่งแรกของ จังหวัดอุบลราชธานี
สถานที่แลนมาร์ค สำหรับงานลอยกระทง และให้อาหารปลา